ตะกั่วพิษในเลือดเด็กนักเรียน"สมุทรสาคร"
“เพิ่งทราบค่ะ ว่าในตัวน้องมีสารตะกั่วเพิ่มมากขึ้น ก่อนหน้านี้รู้แค่ว่ามีสารตะกั่ว เราย้ายบ้านออกมาแล้ว ทำไมสารตะกั่วยังไม่ลดแต่กลับเพิ่มขึ้นอีก” นางประภัสสร ภาต่อ น้าสาวของเด็กหญิงคนหนึ่ง(นามสมมติ) แสดงความกังวลหลังรับทราบผลตรวจจากแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดีว่า เด็กหญิงวัย 8 ขวบเป็นหนึ่งในนักเรียนจำนวน 73 คน ที่ตรวจพบปริมาณสารตะกั่วในเลือดสูงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด คือ 10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิต

ผลตรวจครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อปี 2555 เคยตรวจพบปริมาณสารตะกั่วในเลือดน้องสูง มีค่าสูงถึง 43 ไมโครกรัมต่อเดซิลิต ซึ่งเป็นค่าที่สูงที่สุดของนักเรียนในโรงเรียน และจากการตรวจล่าสุดเมื่อปี 2556 ยังพบค่าสารตะกั่วเพิ่มสูงขึ้นเป็น 44.94 ไมโครกรัมต่อเดซิลิต
ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์พิษวิทยาระบุว่า ระดับที่เป็นพิษของสารตะกั่วที่อยู่ในเลือด 40 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตจะเริ่มเป็นพิษ และ 70 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตจะแสดงอาการพิษ ในขณะที่ปริมาณตะกั่วในปัสสาวะระดับที่เริ่มเป็นพิษจะอยู่ที่ 100 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตและแสดงอาการพิษทางคลินิกในระดับที่ 100 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตการตรวจหาปริมาณตะกั่วในร่างกาย
นอกจากนี้พิษของตะกั่ว สามารถเกาะกับกระดูกในร่างกาย ได้นานถึง 32 ปี และยังสะสมในไขมัน ระบบประสาท สมอง ระบบน้ำเหลือง ตับ และไต โดยอาการพิษเรื้อรังที่พบบ่อย คือ อาการของระบบย่อยอาหาร จะเกิดการปวดท้อง น้ำหนักลด เบื่ออาหารคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก อาการพิษทางประสาท และสมอง ทำให้ทรงตัวไม่อยู่ เกิดอาการประสาทหลอน ซึมไม่รู้สึกตัว ชัก มือและเท้าตก เป็นอัมพาต สลบ และอาจตายได้
ย้อนรอยโรงงานหลอมตะกั่วเถื่อน
บริษัท ซิน หงส์ เฉิง อินเตอร์ เทค(2008) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 96/18 หมู่ที่ 6 ซอยบ่อดิน ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร บริษัทแห่งนี้ได้เข้ามาตั้งอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2552 โดยได้ทำการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม และทำอุตสาหกรรม ประเภท 105 และ 106 เพื่อคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ที่ไม่เป็นของเสียอันตราย และหลอมตะกรันกากตะกรันโลหะ โดยโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเขตชุมชนมากนัก บริเวณใกล้กันมีโรงเรียน และบ้านเรือนราษฎรอยู่ด้วย

นางประภัสสร เล่าว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตนและครอบครัวอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับบริษัทซินหงษ์เฉิน อินเตอร์เทค 2008 จำกัด แต่ทนกลิ่นเหม็นจากหลอมตะกั่วไม่ไหว จึงย้ายออกไปอยู่บ้านเช่าที่อยู่ห่างจากโรงงานกว่า 1 กิโลเมตร และสงสัยว่าเหตุใดค่าสารตะกั่วในเลือดของหลานสาวจึงเพิ่มสูงขึ้นอีกทั้ง ๆ ที่ย้ายออกมาจากจุดที่เป็นแหล่งกำเนิดของตะกั่วพิษแล้ว และหลานสาวเคยเป็นเด็กความจำดี แต่ช่วงหลังพบมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ บ่อยครั้ง บางวันมีอาการไอมาก จึงกังวลว่าสารตะกั่วจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสมองของเด็ก
โรงเรียนบ้านหนองหาดใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 สถานศึกษา ในพื้นที่สมุทรสาคร ที่ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็กโรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า พบปริมาณสารตะกั่วในเลือดของนักเรียนสูงผิดปรกติ โดยจากการตรวจเลือดนักเรียน 165 คน พบ 73 คน มีระดับสารตะกั่วสูงกว่า 10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร โดยแพทย์สันนิฐานว่าสาเหตุอาจมาจาก บริษัทชินหงษ์เฉิง อินเตอร์เทค 2008 จำกัด ที่ตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนเพียง 500 เมตร ปล่อยสารตะกั่วกระจายออกสู่อากาศ
แม้บริษัทแห่งนี้จะยื่นจดทะเบียนทำอุตสาหกรรมประเภทคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ที่ไม่เป็นของเสียอันตราย และหลอมตะกรันกากตะกรันโลหะ แต่พบว่า กลับมีการลักลอบนำตะกรันมาบด และตากแดดภายบริเวณด้านนอกตัวอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาติ ทำให้เกิดการฟุ้งกระจายของสารตะกั่วออกสู่อากาศ โดยไม่มีใครให้คำตอบได้ว่ามีการลักลอบกระทำการดังกล่าวมานานเท่าใดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการตรวจพบว่ามีเด็กวัย 8 เดือนมีอาการชักเกร็งจนเกือบเสียชีวิต และพบค่าปริมาณสารตะกั่วในเลือดสูงทำให้โรงพยาบาลประสานไปยังสาธารณสุขอุตสาหกรรมจังหวัด และกรมโรงงานอุตสาหกรรมไปตรวจสอบ พบว่า บริษัทดังกล่าว ลักลอบดำเนินการผิดประเภท ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงสั่งระงับการหลอมตะกรัน และเปรียบเทียบปรับ และล่าสุดยังไม่พบว่าบริษัทดังกล่าว ได้มีการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากจากสารตะกั่ว
ที่สำคัญยังไม่พบการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดกับบริษัทแต่อย่างใด โดยเฉพาะจากพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กเหยื่อสารพิษตะกั่ว
นอกจากนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า โรงงานของบริษัทดังกล่าวยังคงเปิดทำการตามปกติ แต่ได้ระงับการบดและหลอมตะกรันและกากตะกรันชั่วคราว และขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงโรงงานให้ได้มาตรฐาน
พีระศักดิ์ ลือพาณิชย์ ที่ปรึกษาบริษัทซินหงษ์เฉิง อินเตอร์เทค 2008 จำกัด ยอมรับว่า ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้เปิดดำเนินการเต็มรูปแบบ แม้ว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมจะอนุญาตให้ดำเนินกิจการต่อแล้วก็ตาม เนื่องจากเกรงว่าจะถูกชุมชนต่อต้าน ส่วนการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นจากกากตะกรันที่เคยนำออกไปตากนอกรั้วบริษัท ก็ได้นำไปเก็บไว้ในอาคารแล้ว
สมุทรสาครเมืองแหล่งผลิตกากอุตสาหกรรม
การแก้ไขปัญหากากขยะอุตสาหกรรมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีข้อมูลจากอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ระบุว่าในพื้นที่มีโรงงานอุตสาหกรรม 4,965 แห่ง แบ่งเป็นโรงงานจำพวกที่ 2 (โรงงานที่มีแรงม้าไม่เกิน 50 แรงม้า คนงานไม่เกิน 7 คน และจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบก่อนประกอบกิจการ) จำนวน 324 แห่ง และโรงงานจำพวกที่ 3 (โรงงานที่มีแรงม้าตั้งแต่ 50 แรงม้าขึ้นไปคนงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป และจะต้องได้รับอนุญาตก่อนถึงจะประกอบกิจการโรงงานได้) จำนวน 4,641 แห่ง โดยโรงงานที่ขออนุญาตประกอบการมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ และอุตสาหกรรมพลาสติก
น.พ.สมจิตต จันทร์อำพร สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า แม้ในพื้นที่สมุทรสาคร จะมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่ไม่น้อยกว่า 4,900 แห่ง และเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและพื้นที่เศรษฐกิจการผลิตสินค้าต่างๆ มากมาย แต่ยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาการกำจัดกากของเสียของอุตสาหกรรม ซึ่งน่าเป็นห่วงปัญหามลภาวะทั้งบก น้ำ และทางอากาศ โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลบางน้ำจืด และตำบลนาดี ซึ่งเป็นพื้นที่เสียง เพราะมีโรงงานอุตสาหกรรมรวมถึงโรงหลอมตะกั่ว และโรงงานผลิตวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งอยู่จำนวนมาก
“จากปัญหาที่เกิดขึ้นทางสาธารณสุขจังหวัดมีความกังวลมาก จึงได้หารือกับทางจังหวัดเพื่อตั้งคณะทำงานการป้องกันควบคุมพิษและสารตะกั่ว เพื่อจัดทำโครงการป้องกันสารพิษและสารตะกั่วกระจายสู่คนในพื้นที่ โดยจะเริ่มจากการจัดทำแหล่งพื้นที่เสี่ยง สำรวจหาข้อมูลแหล่งกำเนิดสารตะกั่วในจังหวัด ก่อนกำหนดแนวทางมาตรการการแก้ไขปัญหา ทั้งพื้นที่ตำบลบางน้ำจืด และตำบลนาดี รวมถึงโรงหลอมตะกั่ว และโรงงานผลิตเกี่ยวกับวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในทุกพื้นที่” น.พ.สมจิตต กล่าว
และย้ำว่านอกจากนี้คณะทำงานฯ จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและทำการคัดกรองสารพิษอื่น ๆ ทั้งตรวจในตัวพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนรณรงค์ร่วมกันป้องกัน และการจัดการสารพิษตะกั่ว ระหว่างภาคธุรกิจและภาครัฐ ซึ่งร่วมมือให้เห็นพิษภัยและสามารถทำลายทิ้งอย่างถูกวิธีต่อไป
รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ยอมรับว่า โรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่จำนวนมากในพื้นที่สมุทรสาคร อาจเป็นแหล่งกำเนิดสารพิษตะกั่วในอากาศได้เช่นกัน และผลการตรวจเลือดของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองหาดใหญ่ครั้งที่ 2 เมื่อกลางปีที่แล้ว น่าจะยืนยันได้ว่าสารตะกั่วตกค้างในเลือดนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากพิษกากตะกรันของบริษัท ชินหงส์เฉิง อินเตอร์เทค 2008 จำกัด
“แม้ที่ผ่านมา บริษัทชินหงส์ฯ จะถูกกรมโรงงานอุตสาหกรรมสั่งระงับกิจการแล้ว แต่การที่พบว่า นักเรียน 26 คนมีค่าสารตะกั่วในเลือดเพิ่มขึ้น รวมทั้งสถานศึกษาในพื้นที่ข้างเคียงอีก 3 แห่ง และสถานศึกษาต่างอำเภอ คือ อำเภอกระทุ่มแบนอีก 2 แห่ง ก็พบนักเรียนมีค่าสารตะกั่วในเลือดสูงกว่าค่าที่พอรับได้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร ก็สามารถอนุมานได้ว่า ในเขตจังหวัดสมุทรสาครมีอุตสาหกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้” ร.ศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าว
สำหรับการสะสมของพิษตะกั่วในร่างกายนั้น พบว่าเมื่อสารตะกั่วถูกปล่อยกระจายสู่อากาศ ก็ลอยจะไปเกาะอยู่กับสิ่งต่างๆ ทั้งอาคารเรียน ประตู หน้าต่าง เครื่องเล่น รวมถึงต้นหญ้าในสนาม เมื่อเด็กสัมผัสสิ่งเหล่านั่น สารตะกั่วก็จะซึมเข้าผิวหนัง และเมื่อสัมผัสแล้วไปรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก็ทำให้สารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายเด็กทางระบบทางเดินอาหารได้โดยง่าย
“ระดับตะกั่วในเลือดที่จะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพเด็กคือต้องเป็นศูนย์เท่านั้น และหากได้รับสารตะกั่วเกินจะทำให้ระดับไอคิวในเด็กลดลง ระบบประสาทผิดปกติ เกิดภาวะสมาธิสั้น และส่งผลต่อความสามารถด้านการอ่าน เขียน และคำนวณ และจากการทดสอบไอคิวพบว่ามีระต่ำกว่ามาตรฐานได้เช่นกัน” ข้อมูลจาก รศ.นพ.อดิศักดิ์ ระบุ
สั่งถอนใบอนุญาตแก้ปัญหาปลายทาง
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ ทางบริษัท ชินหงส์ จะหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งของกรมโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ด้วยโทษสูงสุด คือ มีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแห่งนี้ เนื่องจากเป็นความผิดร้ายแรง แต่ตามกฎหมายปกครอง เจ้าของโรงงานสามารถยื่นเรื่องขอปรับปรุงกระบวนการผลิตได้ภายใน 30 วัน หากพ้นช่วงเวลาที่กำหนด ทางกรมฯ จะเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการทันที
แต่เนื่องจากรอบ ๆ บริเวณยังมีโรงงานอุตสาหกรรมเสี่ยงที่อาจเป็นต้นเหตุของการแพร่กระจายของสารตะกั่วในอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ไสว โลจนะศุภฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม ยอมรับว่า สาเหตุที่ต้องสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของโรงงานนี้ เพราะพิสูจน์ได้ว่า ต้นตอที่ปล่อยสารตะกั่วเป็นของ บริษัท ซิน หงส์ เฉิง อินเตอร์ เทค(2008) จำกัด จริง
นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า มีการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 ดังนั้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงได้สั่งการให้ทางจังหวัดสมุทรสาครดำเนินคดีแล้ว โดยมีโทษสูงสุดคือปรับ 2 แสนบาท จำคุก 2 ปี หรือทั้งจำและปรับ
“ส่วนสาเหตุที่ทำให้มีคำสั่งดำเนินคดีขั้นสูงสุด เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ นำเอากากอุตสาหกรรม จากโรงงานประเภทหล่อ หลอม และชุบโลหะ มากำจัดด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง โดยนำกากอุตสาหกรรมมาตากแดดบนลานข้างโรงงาน ทำให้สารโลหะหนักที่มีพิษ ฟุ้งกระจายไปในอากาศ และยังมีการนำขยะมีพิษขนาดใหญ่ใส่ในเครื่องโม่ เพื่อย่อยให้มีขนาดเล็กลง ก่อนบรรจุใส่บิ๊กแบคส่งไปขายในประเทศจีน ซึ่งจะนำไปหลอมเอาโลหะหนัก เช่น เหล็ก ตะกั่ว และนิเกิล กลับมาใช้ใหม่” ผอ.สำนักบริหารการจัดการกากอุตสาหกรรม กล่าว
ส่วนการเรียกร้องค่าชดเชยสำหรับคนงานนั้น ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม บอกว่า ทางสำนักฯ จะทำหนังสือส่งเรื่องไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบปรับเจ้าของโรงงานแห่งนี้ เนื่องจากผลการตรวจเลือดของแรงงาน พบว่า มีปริมาณสารโลหะหนักประเภทตะกั่ว เกินค่ามาตรฐานหลายเท่าตัว โดยเฉพาะเด็กทารกวัย 8 เดือน ซึ่งเป็นลูกของคนงาน มีปริมาณสารตะกั่วสูงกว่าค่ามาตรฐานถึง 16 เท่า จนทำให้เกิดอาการชักเกร็งจนเกือบเสียชีวิต เพราะหากปล่อยได้โดยไม่ทำอะไร จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ
แม้ว่าสารตะกั่วในร่างกายของเด็กจะยังไม่ออกฤทธิ์ให้เห็นในตอนนี้ แต่ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรต้องเร่งดำเนินการกับโรงงานที่ละเลยปล่อยสารตะกั่วแพร่กระจายสู่อากาศ รวมถึงหาแนวทางป้องกันอย่างเร่งด่วน ก่อนที่เด็กซึ่งในอนาคตจะเป็นกำลังสำคัญของชาติ จะเป็นเครื่องทดสอบสารพิษ จนกลายเป็นผู้ที่มีความบกพร่องทางสมอง

