ป.ป.ช.แก้กฎหมายใหม่ อุดช่องโหว่ทุจริต ไม้ตายจับนักการเมืองมาลงโทษ

ป.ป.ช. เผยพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) ระบุชัด ไม่นับอายุความระหว่างที่มีการหลบหนี แต่จะเริ่มนับหลังจากที่มีการปรากฏตัว พร้อมอุดช่องโหว่ทุจริต ตรา ม.103/7 วรรค 1 เปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง ราคากลาง
วันที่ 10 สิงหาคม 2554 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) วิชา มหาคุณ และ ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนถึงเรื่อง “ความพร้อมการบังคับใช้กฎหมาย ป.ป.ช. ฉบับใหม่”
ศ.(พิเศษ) วิชา กล่าวว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 นี้ใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นหลัก รัฐสภามุ่งประสงค์ที่จะเอาตัวผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาลงโทษให้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการหลบหนีได้ง่าย จึงมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนการนับเวลาอายุความ ที่จะไม่นับอายุความระหว่างที่มีการหลบหนี แต่จะเริ่มนับหลังจากที่มีการปรากฏตัว
“ในกรณีคดีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง อายุความจะเริ่มนับหลังจากที่มีการปรากฏตัว ทั้งนี้จะเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้องประมวลกฎหมายวิถีพิจารณาตามอาญา ซึ่งตามกฎหมายใหม่ระบุให้ ป.ป.ช.เทียบตำแหน่งได้กับพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยการดำเนินการจะเป็นในรูปแบบที่ว่า หากมีการออกหมายเรียกแล้วยังไม่มาปรากฏตัว หรือมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี ก็จะขอให้ศาลนั้นออกหมายจับได้เลย ขณะนี้มีคดีระหว่างรอออกหมายจับอยู่ 2-3 คดี ที่ศาลเห็นชอบด้วยว่าสามารถที่จะฟ้องได้ แม้ว่าจะพ้นจากอายุความแล้ว โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคดีของเจ้าหน้าที่ปกติ ยังมีกรณีของนักการเมือง”
กรรมการ ป.ป.ช. ยังกล่าวอีกว่า ข้อดีที่สำคัญของการปรับเปลี่ยนกฎหมายครั้งนี้คือ มีการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการร้องเรียน ในกระบวนการที่จะได้รับความคุ้มครอง และกันไว้เป็นพยานในการที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด และเป็นการกระตุ้นหน่วยงานของรัฐต้องตรวจสอบ และการทำสัญญากับหน่วยงานรัฐต้องมีรายละเอียด ซึ่งกรมสรรพากรสามารถต้องตรวจสอบภาษีได้ ขณะนี้ประกาศของเราออกในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ด้านศ.ดร.ภักดี กล่าวถึงเรื่องการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ว่า ที่ผ่านมาไม่มีการเปิดเผย ใครจะเข้าไปตรวจสอบก็เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะการเปิดเผยเรื่องราคากลาง เพราะฉะนั้นในการตรากฎหมายฉบับใหม่จึงได้มีการตรามาตรา 103/7 วรรค 1 โดยหน่วยงานรัฐในทุกกรณี ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในโครงการให้ประชาชนได้ทราบ โดยเฉพาะราคากลาง และการคำนวณราคากลางของแต่ละโครงการ อีกทั้งต้องมีการเปิดเผยบนเว็บไซต์ ที่ทุกคนสามารถเข้าไปดูได้ ในกรณีของการประกวดราคา ต้องเปิดเผยตั้งแต่ช่วงระยะเวลาขั้นต้น จนการดำเนินการสิ้นสุด
“และในกรณีการตกลงราคา ต้องมีการประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วัน ว่า ในการตกลงราคานี้เพื่ออะไร ซึ่งเป็นการช่วยแก้ปัญหาในการตรวจสอบราคากลาง ที่เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดทุจริตเกิดขึ้น โดยมีการตั้งสูงกว่าที่เคยจะเป็นจริง” ศ.ดร.ภักดี กล่าว และว่า นอกจากนี้ยังมีในมาตรา 103/7 วรรค 2 โดยจะพูดถึงฝ่ายที่เป็นคู่สัญญาของหน่วยงานภาครัฐ เช่น ในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องมีการแสดงบัญชีรับ-จ่ายให้กับกรมสรรพากร ซึ่งจะช่วยในการติดตามตรวจสอบได้ ในกรณีที่มีการร้องเรียน
