'พระสุเทพ-อภิสิทธิ์'ขึ้นศาลคดีสลายม็อบปี53
"พระสุเทพ" ขึ้นศาลให้การปฏิเสธสู้คดีร่วม"อภิสิทธิ์"ฆ่า-พยายามฆ่าผู้อื่น เหตุ ศอฉ.กระชับพื้นที่ชุมนุม นปช. ปี 53 พร้อมเลื่อนตรวจหลักฐาน เช้า 28 ส.ค.นี้
วันที่ 28 ก.ค.57 ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.30 น. ศาลนัดพร้อมและตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.4552/2556 และ อ.1375/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อายุ 50 ปี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร อายุ 64 ปี เลขาธิการ กปปส. อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83 ,84 สืบเนื่องจากการออกคำสั่ง ศอฉ.ให้เจ้าหน้าที่เข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณ ถ.ราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ จากกลุ่ม นปช. ที่ชุมนุมตั้งแต่เดือน เม.ย.- 19 พ.ค.53 กระทั่งนายพัน คำกอง ชาว จ.ยโสธร อายุ 43 ปี คนขับแท็กซี่ และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 14 ปี เสียชีวิตบริเวณใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ทลิงค์ สถานีราชปรารภ วันที่ 15 พ.ค.53 และนายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ ถูกกระสุนยิง มาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ที่รักษาการณ์ในพื้นที่ ย่านราชปรารภ ที่มีการประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อถึงเวลานัดศาลได้อ่านคำฟ้องให้พระสุเทพ จำเลยที่ 2 ฟังแล้วสอบคำให้การ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ โดยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายเช่นเดียวกับที่นายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 1 ได้ยื่นไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับอำนาจฟ้อง ซึ่งจำเลยทั้งสองเห็นว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน ขณะที่ผ่านมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ก็ได้รับเรื่องที่มีการกล่าวหานายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบในเรื่องเดียวกันนี้ไว้ ซึ่งเบื้องต้นศาลได้สอบถามจำเลยทั้งสองแล้วทราบว่า ป.ป.ช.ก็เคยเรียกจำเลยทั้งสองไปชี้แจง แต่ยังไม่เคยแจ้งข้อกล่าวหา ขณะที่อัยการโจทก์และทนายความของญาติผู้เสียชีวิต โจทก์ร่วมก็ได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยทั้งสองดังกล่าวด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ากรณีมีเหตุที่จำเป็นจะต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายเสียก่อน จึงให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานและเพื่อฟังคำสั่งการวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าวในวันที่ 28 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ส่วนที่อัยการโจทก์ขอรวมสำนวนคดีหมายเลขดำ อ.4552/2556 ที่ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ กับสำนวน อ.1375/2557 ที่ยื่นฟ้องนายสุเทพ เป็นคดีเดียวกัน เนื่องจากมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีและพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ศาลเห็นว่าเพื่อความสะดวกในการพิจารณาจึงอนุญาตให้รวมสำนวนทั้งสอง เป็นคดีเดียวกันโดยให้นายอภิสิทธิ์ เป็นจำเลยที่ 1 และ นายสุเทพ เป็นจำเลยที่ 2
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนพิจารณาแล้ว พระสุเทพ ก็ได้เดินทางกลับทันที โดยให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ด้วยใบหน้าแจ่มใสว่า ตอนนี้สบายดี จิตใจสงบ ไม่มีกำหนดลาสิกขาบท ซึ่งจะลาสิกขาบทเมื่อไหร่คงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ พระสุเทพ ซึ่งบวชจำวัดอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. และนายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ นายบรรดาพวกแกนนำ กปปส.โดยมีเจ้าหน้าที่ติดตามรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ขณะที่ยังมีกลุ่มส.ส.ประชาธิปัตย์ อาทินายเทพไท เสนพงศ์เดินทางมาให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ที่เดินทางมาพร้อมทนายความด้วย โดยนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ขอบคุณข่าวจาก