ผอ.สค.เผยเมนูเด็ดสร้างรักในครอบครัว ลดวิชาการ เลิกคิดเรื่องเศรษฐกิจ
ดำเนินตามวิถีชีวิตอย่าฝืน ฝากพ่อแม่ ห่วงเกินไปจะทำให้ห่าง
นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์หลังจากได้แสดงฝีมือในการทำอาหารยำดอกขจรและน้ำพริกกะปิ ผักสด ที่ซุ้มมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ภายในมหกรรมอาหารและสุขภาพวิถีไทย จัดโดยมูลนิธิสุขภาพไทย เครือข่ายภูมิปัญญาสุขภาพวิถีไทย เครือข่ายความมั่นคงด้านอาหารและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่อิมแพค เมืองทองธานี ว่า วันนี้ มีเมนูที่จะทำให้ครอบครัวอบอุ่น เข้มแข็งแบบง่ายและเป็นรูปธรรมที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมาทุกคนจะบอกว่าปัญหาครอบครัวแก้ไขยากเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ ความคิดเหล่านี้ เกิดจากการพยายามคิดเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าความสุขของคนในครอบครัวคิดว่าการหาเงินเตรียมไว้ให้ลูกมากๆ จะทำให้มีชีวิตที่ดีสุขสบายในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อแม่คิดไปเอง ชอบคิดเรื่องใหญ่ๆ เอาความเป็นวิชาการเข้ามามากเกินไป ดังนั้น การจะเป็นครอบครัวที่มีความสุขก็ต้องให้เป็นไปตามวิถีชีวิตของครอบครัวอย่าไปฝืน
นายสมชาย กล่าวต่อว่า วิธีที่จะทำให้ทุกวันเป็นวันของครอบครัวได้ง่ายๆ มีหลายเมนูให้เลือกอาทิ การทำอาหาร การออกกำลังกาย ชวนกันขี่จักรยาน ท่องเที่ยว ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ หรือการดูโทรทัศน์กับลูกทุกอย่างคือกิจกรรมที่คนในครอบครัวทำด้วยกันได้ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวคือการสื่อสารที่ดีต่อกัน พูดกันเข้าใจ บอกกันได้ แก้ไขปัญหาคนในครอบครัวได้ ด้วยวิถีชีวิตของความเป็นครอบครัว แต่ขณะนี้ ทุกคนมีกิจกรรมกับคนอื่นมากกว่า พยายามพึ่งคนนอกครอบครัวมากเกินไป เมื่อมีปัญหาไม่ถามพ่อแม่ แต่ไปถามกูเกิ้ล ปรึกษาคลื่นวิทยุ ฉะนั้น ครอบครัวเป็นทุกอย่างที่จะทำให้คนเติบโตอย่างมีคุณภาพ การทำให้ครอบครัวเข้มแข็งได้ สังคมต้องเกื้อหนุนและสนับสนุนให้ครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกันให้มากขึ้น ดังนั้น ต้องเพิ่มกิจกรรมให้คนในครอบครัวมาทำกิจกรรมร่วมกันเช่น การทำอาหารให้ลูกช่วยหั่นผัก ล้างผัก หรือไม่อยากทำอาหารก็พากันไปออกกำลังกาย ภาพเหล่านี้อยากให้เกิดขึ้นเยอะๆ
“เราพยามทำให้สังคมเห็นว่า ครอบครัวเข้มแข็งอบอุ่น มีความสุขทำได้ง่ายๆ แต่พ่อแม่บางคน ห้ามไปหมดระวังจานจะแตก ระวังมีดบาด เพราะการห่วงที่มากเกินไปทำให้เด็กห่างจากพ่อแม่ไม่อยากทำไม่อยากช่วย เพราะกลัวโดนดุโดนว่า ดังนั้น พ่อแม่ต้องให้โอกาสลูกได้ลองผิดลองถูก ส่งเสริมการเรียนรู้ให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ อย่าห้ามเด็กด้วยความกลัวของพ่อแม่ ซึ่งกิจกรรมการช่วยกันทำอาหารระหว่างพ่อแม่ลูก สามารถส่งเสริมความสัมพันธ์ สัมพันธภาพในครอบครัว ทำเสร็จแล้วก็ทานข้าวด้วยกันได้ความใกล้ชิด ความผูกพัน และสื่อสารกันมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของครอบครัว ดังนั้น ควรพยายามหาเวลาและกิจกรรมที่เป็นของครอบครัวกลับมา เช่น อย่างตนเองเป็นผอ.สค.มีเวลาว่างน้อยมาก แต่ว่างเมื่อไรก็จะกลับไปกินข้าวกับแม่ ซึ่งมีอายุมากแล้ว ไม่ค่อยทานอาหาร เดินไม่ได้นั่งวิลแชร์ แต่เวลาลูกๆ มาล้อมวงกินข้าวด้วยกัน แม่จะมีความสุขและกินข้าวได้มากขึ้น เท่านี้ง่ายๆ ครอบครัวก็มีความสุขมากแล้ว ถ้าในบ้านสุข ทุกอย่างสุข ความรุนแรงในสังคมก็ไม่มี เพราะเรามีความสุขแล้ว เราจะไปขัดแย้งกับคนอื่นทำไม และอย่าไปคิดเรื่องที่เป็นวิชาการมากเกินไปแก้ลำบาก” นายสมชาย กล่าว
ด้านนายสุริยา สมสีลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารสังคม มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ พ่อลูกหนึ่งที่มีความพิการอันเกิดจากสมองขาดอ๊อกซิเจน ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เกิด กล่าวว่า การทำอาหารให้ลูกและภรรยาเป็นสิ่งที่มีความสุข สนุก สร้างสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว มีหลายคนที่เคยถามภรรยาของผมว่าคิดอย่างไรที่เลือกคนพิการมาเป็นสามี ซึ่งถามในขณะที่ตนเองก็อยู่ตรงนั้น เป็นวันที่พาภรรยาที่กำลังตั้งท้องไปพบหมอ วันนั้นภรรยาของผมตอบไปว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้และทุกวันนี้คนที่รับผิดชอบเลี้ยงดูก็คือสามีที่พิการคนนี้แหละ ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้สามารถดำเนินชีวิตและทำทุกอย่างเหมือนคนปกติได้ เพราะได้พลังและกำลังใจจากครอบครัวคือ ปู่ พ่อ แม่ และพี่สาว การเลี้ยงดูที่ถูกปลูกฝังให้ทุกคนในครอบครัวจะต้องกินข้าวด้วยกัน หลังจากที่พ่อแม่ทำนากลับมาบ้าน สิ่งเหล่านี้จึงติดเป็นนิสัยของตนเอง แม้ขณะนี้มีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว ทุกวันจะต้องโทรศัพท์ไปหาพ่อ แม่ ทุกวัน
“ความพิการไม่อาจกั้นการดูแลลูกและครอบครัวได้ ผมตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำตนเองให้มีค่า ไม่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อสังคม เพื่อลูกและภรรยาที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ฉะนั้น ผมจะสร้างครอบครัวของผมให้สมบูรณ์มีความสุขให้ลูกได้ภูมิใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเป็นสิ่งที่เกิดได้ในวิถีชีวิตปกติที่ทุกคนปฏิบัติต่อกันอยู่ในทุกวันอยู่แล้ว โดยเฉพาะการช่วยกันทำอาหารในครอบครัว เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ” นายสุริยา กล่าว