สนช.ทยอยรายงานตัวคึกคัก
สนช.ทยอยรายงานตัวคึกคัก 'ตวง' มาคนแรก ชี้ รธน.มีช่องถอดถอนนักการเมือง วอนอย่ามองภาพทหารคุมเบ็ดเสร็จ ควรรอพิสูจน์ผลงาน
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายตวง อันทะไชย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอดีตสว.กลุ่ม 40 ส.ว. ได้เดินทางมารายงานตัวเป็นคนแรก โดยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยติดต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาก่อน หลังจากสิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง ส.ว.สรรหา ก็ได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวที่ต่างจังหวัด สำหรับภารกิจของ สนช.ในอนาคตต้องเน้นหนักเรื่องการปฏิรูปประเทศ
เมื่อถามว่า การที่มีทหารเข้ามาใน สนช. จำนวนมาก จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสนช.หรือไม่ นายตวง กล่าวว่า ทหารจะเข้ามามากหรือน้อยไม่ใช่ประเด็น แต่ในเวลานี้คือการทำงาน เพื่อบ้านเมืองให้เดินหน้าสู่การปฏิรูปได้ จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่จุดดังกล่าวให้ได้
เมื่อถามว่า สนช.จะมีอำนาจถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งทางการเมืองได้หรือไม่ นายตวง กล่าวว่า ประเด็นนี้คงต้องคุยกันในที่ประชุมสนช. อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2549 สนช.เคยมีมติถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาแล้ว ประกอบกับปัจจุบันสถานะทางกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ยังมีผลอยู่
ต่อมานายศิระชัย โชติรัตน์ อดีตผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในฐานะสนช. กล่าวว่า ไม่มีใครทาบทามให้มาทำหน้าที่ดังกล่าว โดยทราบเรื่องจาก ประกาศคสช. ในฐานะที่ตนเป็นอดีตข้าราชการ เมื่อเกษียนแล้วก็ขออุทิศตนทำงานให้บ้านเมืองเต็มที่ ส่วนจะทำเรื่องใดเป็นพิเศษยังไม่ขอพูด ขอเวลาทำงานก่อน ขณที่ พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต สนช.ได้เดินทางมารายงานตัวเป็นคนที่ 3 โดยหลังเสร็จสิ้นได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ทราบว่าใครเสนอชื่อเข้าไปเป็น แต่ก็พร้อม และตั้งใจเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ สำหรับการทำงานอยากเข้าไปดูด้านปฏิรูปสื่อมวลชน คุ้มครองผู้บริโภค และงานด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ตอนที่เป็น ส.ว.ได้ทำงานในด้านดังกล่าวหลายประเด็นจึงอยากสานงานต่อ อาทิ การใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม, การสังหารนายสุทิน ธราทิน แกนนำ กคป.
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าสนช.ที่เข้ามาแม้จะมาจากส่วนอื่นก็จะเป็นเพียงแค่ตรายางให้สนช.สายทหารเท่านั้น นายสมชาย กล่าวว่า การทำงานด้านนิติบัญญัติควรพิจารณาในภาพรวม ทั้ง สนช., สปช., กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสนช.คงไม่เน้นเฉพาะงานมั่นคงจนละเลยแก้ปัญหาสังคม ต้องทำงานด้านปฏิรูปประเทศ ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว วางกรอบไว้ในมาตาา 35 กำหนด ดังนั้นจึงเชื่ออย่างสดุดีว่าทิศทางการทำงานจะไม่ทิ้งงานด้านวัฒนธรรม, สังคม, การศึกษา หรืองานภาคประชาชนแน่นนอน
ทั้งนี้มีข่าวว่า ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ช่วงเที่ยง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สนช. ได้นัดสนช.สายอดีตสว. และ อดีตสว. กลุ่ม 40 รับประทานอาหารร่วมกัน ทั้งนี้ยังไม่ได้กำหนดสถานที่ที่ชัดเจน.
ขอบคุณข่าวจาก