โผทหารลงล็อก'อุดมเดช'ผบ.ทบ.
"อุดมเดช"เบียด"ไพบูลย์"ผงาด ผบ.ทบ."วรพงษ์"ผบ.ทสส."ศิริชัย"ขึ้นปลัดกห."ไพบูลย์" ได้เก้าอี้ รมต.ปลอบใจ
แหล่งข่าวจากกองทัพ เปิดเผยว่า หลังผ่านพ้นวันหยุดยาวเทศกาลวันแม่ 12 สิงหาคม นี้ ไปแล้ว จะมีความชัดเจนเรื่องบัญชีการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ซึ่งขณะนี้แต่ละเหล่าทัพ ได้จัดทำบัญชีรายชื่อขั้นต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมส่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการปรับย้ายนายทหาร ชั้นนายพล ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ในส่วนของกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเกษียณอายุราชการตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในวันที่ 30 กันยายน นี้ หากไม่มีการต่ออายุราชการ เช่นเดียวกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ซึ่งทั้งคู่เป็นนายทหาร ตท.12 ก็จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน นี้ เช่นกัน ทำให้ระดับหัวของกองทัพ เกิดการขยับตำแหน่งขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อดูจากไลน์ 5 เสือ ทบ.แล้ว อีก 4 คนที่เหลือนั้น มีคุณสมบัติขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ได้ทุกคน เพราะยังเหลืออายุราชการอีกคนละ 1 ปี ได้แก่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) รอง ผบ.ทบ. พล.อ.อักษรา เกิดผล (ตท.12) เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ (ตท.12) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา (ตท.15) ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
อย่างไรก็ดี แคนดิเดต ผบ.ทบ. มีเพียง 2 คนเท่านั้น คือ พล.อ.อุดมเดช กับ พล.อ.ไพบูลย์ ซึ่งทั้งคู่ มีผลงานโดดเด่นในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยได้รับการมอบหมายงานสำคัญจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. อย่างต่อเนื่อง พล.อ.อุดมเดช เป็นเลขาธิการ คสช. และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ขณะที่ พล.อ.ไพบูลย์ เป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า พล.อ.อุดมเดช อาจได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช เป็นนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช. รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ที่ปรึกษา คสช.ด้วย จึงมีโอกาสสูงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะส่งไม้ต่อให้ พล.อ.อุดมเดช ทำหน้าที่
ขณะที่ พล.อ.ไพบูลย์ คาดว่าจะไปเป็นรอง ผบ.ทบ. แต่มีบางกระแสระบุว่า หาก พล.อ.ไพบูลย์ ต้องพลาดหวังจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.จริงๆ อาจมีการเสนอตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐบาลชุดใหม่ให้เป็นการปลอบใจ เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หรืออาจเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ตำแหน่งอื่นๆ นั้น คาดว่า พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) จะเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร (ตท.12) จะขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) โดยทั้งสองคนนี้ได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะที่ปรึกษา คสช.
ส่วน พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสธ.ทบ. อาจได้ขยับขึ้นเป็น เสธ.ทบ.แทน พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่มีข่าวว่าอาจข้ามห้วยไปเป็น รอง ผบ.ทสส.อย่างไรก็ตามอีกกระแสข่าวระบุว่าตำแหน่งเสนาธิการทหาร อาจเป็น พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ซึ่งกรณีของ พล.อ.สมหมาย มีข่าวอีกกระแสหนึ่งว่า อาจได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทสส.
ขณะที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จะไปเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ส่วน พล.ท.ธีรชัย นาควานิช (ตท.14) แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา (ตท.15) แม่ทัพภาคที่ 2 จะได้ขยับเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ.เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.ทั้งสองคน
ด้านตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในกองทัพไทย (กองบัญชาการทหารสูงสุดเดิม) เช่น พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) พล.ท.สุรสิทธิ์ ถาวร เป็นผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) พล.ต.ชัยชนะ นาคเกิด เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ผบ.ศตก.) โดย พล.ต.ชัยชนะ เติบโตมาจากการเป็นรอง ผบ.ศตก.
ขอบคุณข่าวจาก

