นพ.ประเวศ ปลุก”พลังจิตสำนึก” แก้วิกฤตอารยธรรมที่กำลังลุกลามทั่วโลก
ประธาน คสป. ชี้เวลานี้โลกเกิดวิกฤตทุกด้าน โลกกำลังป่วย ต้องการการเยียวยา แนะทางออกคนต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ "อยากเห็นเพื่อนมนุษย์ พ้นจากความทุกข์ และมีความสุข”
วันที่ 17 สิงหาคม 2554 กรมสุขภาพจิต จัดโครงการประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติ ครั้งที่ 10 ประจำปี 2554 เรื่อง “ฝ่าคลื่นวิกฤตด้วยงานสุขภาพจิต” ณ โรงแรมปรินซ์ พาเลซ มหานาค โดยภายในงาน ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฎิรูป(คสป.) กล่าวปาฐกถา เรื่อง “ฝ่าคลื่นวิกฤตด้วยงานสุขภาพจิต”
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวตอนหนึ่งว่า สุขภาพจิตจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในโลก ความวิตก กังวล ความเครียด และอาการซึมเศร้า ส่งผลกระทบไปยังร่างกายส่วนอื่นๆ เนื่องจากจิตใจย่ำแย่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง และเกิดการบกพร่อง ทำให้เกิดโรคติดเชื้อ โรคมะเร็งตามมา ก็จะทำให้ยิ่งเกิดความเครียด"
"สิ่งที่ดีต่อสุขภาพจิต 1.การออกกำลังกาย เนื่องจากการออกกำลังกายนั้นจะทำให้เกิดการหลั่งสารเอ็นโดฟินที่ทำให้มีความสุข เพราะฉะนั้นควรทำให้การออกกำลังเป็นวิถีชีวิตของคนทั้งหมด ถ้าออกกำลังแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น 2.การเจริญสติ สมาธิ วิปัสสนา ที่ปัจจุบันมีการปฏิบัติกันทั่วโลก และมีการวิจัยว่า เมื่อได้ปฏิบัติแล้ว ส่งผลให้สุขภาพดี ไม่ป่วยหรือเป็นโรค อายุยืน ความสัมพันธ์ดีขึ้นทั้งในครอบครัวและที่ทำงาน 3.ความอบอุ่นทางสังคม เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในครอบครัว ถ้าครอบครัวอบอุ่นก็จะเป็นฐานสำคัญของทุกๆอย่าง ฉะนั้นความอบอุ่นทางสังคมจึงมีผลต่อเรื่องสุขภาพทั้งกายและใจ"
ประธาน คสป. กล่าวอีกว่า เวลานี้โลกเรานั้นเกิดวิกฤตในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งแม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกา ก็ยังเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ และในประเทศอังกฤษที่ยังมีการก่อจลาจล ทั้งที่เป็นประเทศอิสระ รวมถึงวิกฤตทางภัยธรรมชาติที่เกิดจากภาวะโลกร้อน และเรื่องของการจลาจลที่มีสาเหตุมาจากการไม่มีงานทำ และราคาอาหารที่สูงขึ้นทั่วโลก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวิกฤตการณ์โลก
“วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเพียงวิกฤตเล็กๆน้อยๆ ธรรมดา แต่เป็นวิกฤตการณ์ทางอารยธรรม วิถีชีวิต วิธีคิด ที่เป็นไปทุกวันนี้ทำให้เกิดวิกฤต วิธีการคิดแบบเดิมซึ่งนำอารยธรรมให้เป็นแบบนี้ไปไม่รอด เป็นวิกฤตที่รุนแรง คนต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่หมดถึงจะมีทางออก อาจต้องอาศัย”พลังจิตสำนึก” จุดแข็งของมนุษย์ที่มีพลังมากที่สุด เป็นพลังที่อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน เป็นพลังที่อยากจะเห็นเพื่อนมนุษย์ดีขึ้น ให้พ้นจากความทุกข์ และมีความสุข”
ในช่วงท้าย ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึงเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำว่า การที่ต้องมีการลดความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากเราต้องเคารพศักดิ์ศรีคุณค่าความเป็นคนของทุกคน อาจจะเป็นเรื่องยากสักนิด แต่เป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องทำ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย
“ยุทธศาสตร์การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยนั้น คือ ต้องเป็นสังคมที่คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน การที่ได้ทำอะไรเพื่อเพื่อนมนุษย์เป็นความงามที่ประดับโลกไว้ ขณะนี้โลกนั้นกำลังป่วยอย่างยิ่ง เราต้องการการเยียวยาโลก”
