สร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน สปร.เร่งเครื่องจัดสมัชชาปฏิรูประดับจังหวัด
'ประเวศ วะสี' ชี้ขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศโดยใช้จังหวัดเป็นฐาน ต้องมีภาคี ยึดชุมชนท้องถิ่นเป็นตัวตั้ง เสนอตั้ง “ศูนย์ประสานงานในจังหวัด” ทำหน้าที่ค้นข้อมูล-ชวนทุกภาคส่วนมาร่วมสร้างวิสัยทัศน์ เป้าหมายร่วม
วันที่ 19 สิงหาคม สำนักงานปฏิรูป (สปร.) จัดการประชุมปรึกษาหารือเตรียมการจัดสมัชชาปฏิรูประดับจังหวัด ณ ห้องประชุมบอลรูม โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี โดยมีตัวแทนจาก 77 จังหวัด และตัวแทนองค์กรสนับสนุนเข้าร่วม
นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ในฐานะรักษาการ ผู้อำนวยการสปร.กล่าวถึงการสนับสนุนให้เกิดการรวมตัว ร่วมคิดร่วมทำ ว่า เพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศภาคปฏิบัติในระดับพื้นที่ ผ่านกระบวนการ “สมัชชาปฏิรูประดับจังหวัด” และให้การปฏิรูปประเทศไทยเป็นของทุกคนเชื่อมโยงถึงกัน เป็นธุระของทุกคน
“สังคมไทยพัฒนามา ถึงเวลาที่จะต้องขยับ ปรับตัว ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เฉกเช่น งูแต่ละปีจะมีการลอกคราบเพื่อให้ตัวโตขึ้น เช่นเดียวกับสังคมหากไม่มีการลอกคราบ ก็จะอึดอัดและติดขัด ฉะนั้นต้องมีการปรับเปลี่ยนสังคมอยู่เสมอ เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องช่วยกัน”
รักษาการ ผอ.สปร.กล่าวถึงการประชุมย่อยใน 4 ภาค ในช่วงเดือนกันยายนี้ และสนับสนุนการทำ สมัชชาปฏิรูปจังหวัด ช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนว่า เพื่อให้เกิดการร่วมคิดร่วมทำ และสร้างกระบวนการให้พื้นที่ได้ร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย ขับเคลื่อนมติสมัชชาปฏิรูประดับชาติครั้งที่ 1 และพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในประเด็นที่พื้นที่สนใจเฉพาะ หรือที่เกี่ยวข้องกับประเด็น โดยจะนำเข้าสมัชชาปฏิรูประดับชาติครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 10 มีนาคม – 1 เมษายน 2555
ขณะที่ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) กล่าวถึงการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศไทยโดยใช้จังหวัดเป็นฐานว่า ต้องมีภาคีพัฒนาจังหวัดอย่างบูรณาการ โดยเอาชุมชนท้องถิ่นเป็นตัวตั้ง ซึ่งอาจต้องมีคณะบุคคลที่มาจากหลายภาคส่วน ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์ประสานงานในจังหวัด”
ประธาน คสป.กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ประสานงานในจังหวัด ควรทำหน้าที่ 1.ประสานงานให้เกิดข้อมูลจังหวัด ทำ Mapping 2.ชวนทุกภาคส่วนในจังหวัดมาร่วมสร้างวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมของจังหวัด 3. ทำแผนพัฒนาจังหวัด โดยมีชุมชนท้องถิ่นเป็นตัวตั้ง 4.ประสานการพัฒนาระหว่างการขับเคลื่อน แสวงหาการสนับสนุนทั้งจากภายในและภายนอกจังหวัด 5.สามารถสังเคราะห์ประเด็นนโยบายที่เกิดจากการขับเคลื่อนขึ้นมาได้ และ 6.สามารถสังเคราะห์บทเรียนจากที่ทำงาน และปรับตัวทำให้ดีขึ้น
“การจัดสมัชชา เป็นเครื่องมือทางประชาธิปไตยที่เจริญไม่ได้ใช้อำนาจ ไล่ฆ่าฟัน ข่มขู่ แต่เป็นการรวมตัวใช้ความรู้ ถือหลักความเป็นธรรม ดังนั้น กระบวนการทั้งหมดหากช่วยกันทำประเทศก็จะแข็งแรง เป็นกระบวนการประชาธิปไตยอัตถประโยชน์ ไปไกลกว่าประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ แบบอังกฤษ เพราะมีจุดมุ่งเรื่องความเหลื่อมล้ำ เคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคนทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะของคนเล็กคนน้อย”ศ.นพ.ประเวศ กล่าว และว่า ไม่มีทางอื่นในการทำเรื่องยากๆ นอกจากการเรียนรู้ การปฏิบัติร่วมกัน จนเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจกัน
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยโชคดีแม้จะมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำมาก แต่ก็สามารถผลิตอาหารได้มาก ผลิตได้เหลือกิน ซึ่งสามารถป้องกันการจลาจลได้ และเพื่อไม่ให้ประเทศไทยซวนเซไปกับวิกฤตโลก ในเมื่อเรามีจุดแข็งเรื่องการผลิตอาหาร ก็ต้องรักษาจุดแข็งนี้เอาไว้ ด้วยการจัดที่ดินให้คนมีที่ดินทำกินมากที่สุด
