"ผู้ตรวจการแผ่นดิน"ลงพื้นที่วังน้ำเขียว สอบกรณีรุกป่า โทษ จนท. รัฐต่างคนต่างทำงาน

"ศ.ศรีราชา" แจง หลังรับฟังข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบปมปัญหารุกพื้นที่ป่าวังน้ำเขียว เหตุ ภาครัฐทำงานบกพร่อง-ประสานงานกันไม่ดี แถมปักหลักเขตไม่ชัดเจน เผย เตรียมสอบที่ดินเป็นรายกรณี ลั่น หากพบอยู่มาก่อนประกาศเขตอุทยานฯ-มีเจตนาบริสุทธิ์ ผ่อนผันให้อยู่ต่อได้แน่นอน
วันที่ 19 สิงหาคม ศาสตราจารย์ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์ ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน นายธาวิน อินทร์จำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 3 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เดินทางลงพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบและรับฟังข้อเท็จจริง หลังจากมีการร้องเรียนจากประชาชนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกล่าวหาว่า ครอบครองที่ดินโดยบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
ศ.ศรีราชา กล่าวว่า จากการรับฟังข้อเท็จจริงและการรายงานสภาพปัญหา ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่และผู้แทนประชาชนในพื้นที่ เบื้องต้นพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ป่าวังน้ำเขียวนั้น เกิดจากการทำงานที่ไม่ประสานกันของหน่วยงานภาครัฐ อีกทั้งเมื่อมีการประกาศพื้นที่ป่าสงวนและแนวเขตอุทยานแล้ว กลับไม่ได้ดำเนินการปักหลักเขตที่ชัดเจน เนื่องจากปัญหาส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยด้านงบประมาณ
สำหรับแนวทางเบื้องต้นในการแก้ปัญหาดังกล่าว ศ.ศรีราชา กล่าวว่า อาจจำเป็นต้องคัดแยกประชาชนออกเป็นกลุ่มต่างๆ ได้แก่ 1.กลุ่มประชาชนที่อยู่อาศัยมาก่อนการประกาศพื้นที่ป่าสงวนและแนวเขตอุทยานแห่งชาติ 2.กลุ่มของประชาชนที่มีการบุกรุก ซึ่งกระทำผิดตามกฎหมาย 3.กลุ่มของประชาชนที่ตั้งใจซื้อที่ดิน ทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย และ 4. กลุ่มของประชาชนที่ซื้อที่ดินมาโดยสุจริต ไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย
"ส่วนการพิจารณาจะยึดหลักข้อเท็จจริง ยึดวัตถุประสงค์ของพื้นที่ป่าสงวนและเขตอุทยานแห่งชาติเป็นหลัก โดยจะมีการตรวจสอบหลักแนวเขตอุทยานแห่งชาติอย่างชัดเจน พร้อมทั้งตรวจสอบบริเวณที่ดินของผู้ร้องเรียนเป็นรายกรณี หากผลการตรวจสอบพบว่า จงใจบุกรุกหรือซื้อที่ดินต่อมาโดยรู้ว่าผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไปทันที ในทางกลับกันหากเป็นประชาชนที่อยู่อาศัยดั้งเดิม หรือซื้อที่ดินมาโดยไม่มีเจตนา จะบุกรุกป่าหรือแสวงหาผลกำไร ก็ต้องให้ความเป็นธรรม โดยน่าจะผ่อนผันให้อยู่อาศัยต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เคร่งครัด ไม่ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น และต้องช่วยรักษาป่าตามจำนวนหรือสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความต้องการในการรักษาพื้นที่ป่าวังน้ำเขียวของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์และพันธุ์พืช”ศ.ศรีราชา กล่าว และว่า การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงได้นั้น ทุกฝ่ายต้องยอมถอยคนละก้าว เพื่อหาทางออกร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่ทุกฝ่าย ศ.ศรีราชา กล่าวว่า จะต้องรับฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยว่ามีแนวโน้มอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้โดยไม่เกิดปัญหา เพราะป่าไม้ถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่นๆ ทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะของโลก ปัญหาน้ำท่วม ดังนั้น การดำเนินการแก้ไขปัญหาจำเป็นจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่หรือประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ
ขณะที่นายชัยยงค์ ฮมภิรมย์ นายอำเภอวังน้ำเขียว กล่าวว่า ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าอำเภอวังน้ำเขียวมีส่วนช่วยในการรักษาป่ามากกว่าทำลาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการจัดกิจกรรมปลูกต้นโพธิ์และต้นไทร จำนวน 99 ต้นเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ อีกทั้งความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ การจัดการท่องเที่ยวก็เป็นไปในเชิงนิเวศน์ ดังนั้น แนวทางการแก้ไขปัญหาควรยึดหลักการทำให้คนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้
