"ส.ป.ก." ขอบคุณ"อิศรา"ทำหน้าที่สื่อท้วงคืนที่ดินปลูกสวนยาง "เมียวิสาร"
ส.ป.ก.ส่งหนังสือขอบคุณ"อิศรา" เป็นทางการ ทำหน้าที่สื่อแจ้งเบาะแสช่วยท้วงคืนที่ดิน ปลูกสวนยาง 61 ไร่ "เมียวิสาร" อดีตรมช.มหาดไทย ย้ำบุคคลภายนอกไม่มีสิทธิเข้ามาใช้ประโยชน์ที่ดินเกษตรกร ต้องให้ออกจากที่ดิน

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ทำหนังสือถึงกองบรรณาธิการสำนักข่าวอิศรา เพื่อชี้แจงขอเท็จจริงและขอขอบคุณการนำเสนอข่าว กรณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์) และภรรยา อ้างสิทธิถือครองเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย อย่างไม่ถูกต้อง
โดยระบุเนื้อหาดังนี้
"ตามข่าวที่อ้างถึง สำนักข่าวอิศราได้นำเสนอข่าวทาง www.isranews.org ในวันที่ ๑๙ และ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ กรณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์) และภรรยา (นางสมสะอาด เตชะธีราวิฒน์) อ้างสิทธิถือครองเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงรายอย่างไม่ถูกต้อง โดยการเข้าใช้พื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดินอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ปลูกยางพารา จำนวน ๒ แปลง เนื้อที่รวมประมาณ ๖๑-๑-๙๘ ไร่ ซึ่งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้จัดที่ดินและมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.๔-๐๑) ให้เกษตรกรไปแล้ว ด้วยการทำหนังสือยินยอมจากผู้ได้รับอนุญาตจาก ส.ป.ก. ในที่ดินทั้ง ๒ แปลง พร้อมได้แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินช่วงเข้าและพ้นจากการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ของนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชา (ป.ป.ช.) ซึ่งมีรายการ สิทธิในการปลูกสร้างสวนยางพาราในที่ดินซึ่งมีเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. ๔-๐๑ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย จำนวนเนื้อที่รวม ๖๑-๑-๙๘ ไร่ ได้ปลูกต้นยางพาราไปแล้วจำนวน ๕๐ ไร่ โดยแจ้งข้อมูลค่าไว้ที่ ๑ ล้านบาท นั้น
ส.ป.ก.ขอเรียนให้สำนักข่าวอิศราทราบข้อเท็จจริง และการดำเนินงานของ ส.ป.ก. ดังนี้
๑. ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน กรณีที่ดินของรัฐที่ ส.ป.ก.ได้รับมอบให้นำมาดำเนินงานการปฏิรูปที่ดินจะจัดให้กับผู้ถือครองทำประโยชน์อยู่ในที่ดินนั้นที่มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.๒๕๑๘ (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ ๓ พ.ศ.๒๕๓๒ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๑) และพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเป็นเกษตรกร พ.ศ.๒๕๓๕ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๒) ประกอบกับระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกรซึ่งจะมีสิทธิได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่เดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๗ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๘ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๓) คือ ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก หรือผู้ประสงค์จะเป็นเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ๓ ประเภท คือ บุคคลผู้ยากจน ผู้จบการศึกษาทางเกษตรกรรม และผู้เป็นบัตรเกษตรกร ซึ่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการเป็นเกษตรกรดังกล่าว กำหนดไว้ในมาตรา ๓ ความว่า “บุคคลซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นเกษตรกร (๑) ผู้ยากจน ซึ่งหมายถึงผู้มีรายได้ไม่สูงกว่าอัตรารายได้ที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด รายได้ตาม (๑) ให้หมายความรวมถึงสิทธิ หรือประโยชน์อื่นที่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้ด้วย (ปัจจุบันกำหนดผู้ยากจน คือ ผู้มีรายได้ต่ำกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท/คน/ปี) (๒) ผู้จบการศึกษาทางเกษตรกรรม ซึ่งหมายถึงผู้ที่จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ เทียบเท่าในประเภทวิชาเกษตรกรรม และ (๓) บัตรของเกษตรกร ซึ่งหมายถึงบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก”
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นประกอบด้วย คือ เกษตรกรผู้ซึ่งมีคุณสมบัตรดังต่อไปนี้ มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ได้แก่ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) บรรลุนิติภาวะ (อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ หรือบรรลุโดยการสมรสและจดทะเบียน) หรือเป็นหัวหน้าครอบครัว (๓) มีความประพฤติดีและซื่อสัตย์สุจริต (๔) มีร่างกายสมบูรณ์ ขยันขันแข็ง และสามารถประกอบการเกษตรได้ (๕) ไม่เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (๖) ไม่มีที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมเป็นของตนเอง หรือของบุคคลในครอบครัวเดียวกันหรือมีที่ดินเพียงเล็กน้อย แต่ไม่เพียงพอแก่การประกอบเกษตรกรรมเพื่อเลี้ยงชีพ (๗) เป็นผู้ยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกำหนด ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวต้องไม่มีอาชีพอันมีรายได้ประจำเพียงพอแก่การยังชีพอยู่แล้ว ไม่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นของตนเอง และประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก สำหรับเนื้อที่ที่จะจัดให้เกษตรกรไม่เกินสิทธิที่กฎหมายกำหนด คือ การประกอบเกษตรกรรมทั่วไปไม่เกินรายละ ๕๐ ไร่ และหากประกอบการเลี้ยงสัตว์ใหญ่ไม่เกินรายละ ๑๐๐ ไร่
๒.เกษตรกรเมื่อได้รับการจัดที่ดินและได้รับมอบเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.๔-๐๑ แล้ว ต้องปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วย การให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ที่ได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน พ.ศ.๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่๒) พ.ศ.๒๕๔๐ ในประเด็นที่สำคัญ คือ ต้องทำประโยชน์ในที่ดินด้วยตนเองเต็มความสามารถ และไม่นำที่ดินนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนไปให้ผู้อื่นไม่ว่าจะโดยการขาย ให้เช่า หรือ เข้าทำประโยชน์ หรือโดยพฤติกรรมใดๆ ที่แสดงให้เห็นในลักษณะนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงสภาพที่ดิน จนเป็นเหตุให้ที่ดินเสื่อมสภาพตามความเหมาะสมแก่การประกอบเกษตรกรรม ไม่ขุดบ่อเพื่อการเกษตรกรรมเกินร้อยละ ๕ ของเนื้อที่ที่ได้รับมอบ ไม่ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างใดๆเว้นแต่การปลูกสร้างตามสมควรสำหรับโรงเรือน ที่อยู่อาศัย ยุ้งฉาง หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรของเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรนั้น เป็นต้น
หากเกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดดังกล่าว ส.ป.ก. โดยสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัด (ส.ป.ก.จังหวัด) จะมีหนังสือเตือนให้เกษตรกรละเว้นการกระทำหรือ ปฏิบัติให้ถูกต้อง หากไม่ปฏิบัติตามหนังสือเตือน ส.ป.ก.จังหวัดจะนำเสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด พิจารณามีมติให้สิ้นสิทธิ พร้อมกำหนดเวลาในการยื่นอุทธรณ์ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งหรือวันที่ปิดคำสั่ง หากมีการอุทธรณ์จะนำเสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพิจารณาต่อไป หากไม่มีการอุทธรณ์จะต้องออกจากที่ดิน และที่ดินดังกล่าว ส.ป.ก.สามารถนำไปจัดให้เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกินรายอื่นต่อไป
๓. ตามการนำเสนอข่าวที่ปรากฏรายละเอียดข้างต้น ส.ป.ก.ได้ตรวจสอบการจัดที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงราย (ส.ป.ก.เชียงราย) พบว่า ที่ดินแปลงเลขที่๔ ระวาง ส.ป.ก. ที่๔๙๔๘///๗๔๖๖ เนื้อที่ประมาณ ๓๐-๓-๑๘ ไร่ ที่ดินที่ตั้งอยู่หมู่ที่ ๙ ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ได้จัดที่ดินให้แก่นางต่อมคำ ศรีสมบัติ เกษตรกรหมู่ที่ ๕ ตำบลแม่เย็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และที่ดินแปลงเลขที่ ๒๑ ระวาง ส.ป.ก.ที่ ๔๙๔๘///๗๔๖๘ เนื้อที่ประมาณ ๓๐-๒-๘๐ ไร่ ที่ดินตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ได้จัดที่ดินให้แก่นางสาวจันเพ็ญ จันค้อน เกษตรกรตำบลสันมะเค็ด อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และได้ออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. ๔-๐๑ มอบให้เกษตรกรทั้ง ๒ แปลงไปแล้ว
จะเห็นได้ว่าตามที่กล่าวมาข้างต้น ส.ป.ก. ได้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดถึงการจัดที่ดินให้แก่ผู้มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรที่ถือครองทำประโยชน์ในที่ดินนั้น และผู้ที่ได้รับที่ดินจาการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน หากพบว่าเกษตรกรทั้งสองราย กระทำผิดระเบียบ จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ที่มาใช้ที่ดินของเกษตรกรปลูกยางพาราตามที่กล่าวก็มิได้มีสิทธิในการเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินแต่อย่างใดและต้องให้ออกจากที่ดินด้วย
ในการนี้ ส.ป.ก. ได้มีหนังสือถึงจังหวัดเชียงราย เพื่อแจ้งให้ ส.ป.ก.เชียงราย ดำเนินการตรวจสอบสิทธิและการทำประโยชน์ในที่ดินทั้ง ๒ แปลงดังกล่าว พร้อมทั้งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ากระทำผิดระเบียบที่กำหนดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และให้รายงานผลให้ ส.ป.ก.ทราบถึง ความคืบหน้าในการดำเนินงานเป็นระยะๆ (สิ่งที่ส่งมาด้วย ๕) พร้อมกันนี้ ส.ป.ก.ได้มีหนังสือเรียนสำนักงานป.ป.ช. ให้ทราบถึงการดำเนินงานของ ส.ป.ก. และแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันมีรายการสิทธในการปลูกสร้างสวนยางพาราในที่ดินซึ่งมีเอกสิทธิ ส.ป.ก. ๔-๐๑ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย จำนวนเนื้อที่ ๖๑-๑-๙๘ ไร่ หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นไปตามข่าวที่ปรากฏจริง การดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวของผู้แจ้งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ ส.ป.ก. ใคร่ขอขอบคุณสำนักข่าวอิศราเป็นอย่างสูงที่ได้นำเสนอข้อมูลในประเด็นหลักการดำเนินงานของ ส.ป.ก. คุณสมบัติของผู้จะได้รับการจัดที่ดิน การปฏิบัติของผู้ที่ได้รับการจัดที่ดิน รวมทั้ง การตัดสินคดีของศาลในคดีที่เคยเกิดขึ้นประเด็นที่ใกล้เคียงกันที่ผ่านมาของ ส.ป.ก. ซึ่งทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้องและค่อนข้างครบถ้วน พร้อมทั้งในการนำเสนอข่าวในครั้งนี้เป็นการชี้เบาะแสเพื่อ ส.ป.ก. จักได้นำไปเป็นข้อมูลดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายกำหนด เพื่อคุ้มครองสิทธิในที่ดินให้อยู่ในมือของเกษตรกร หากมีรายละเอียดหรือผลการดำเนินการคืบหน้าจักได้นำเรียนให้ทราบเพิ่มเติมต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์)
เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
