อาจารย์มศว โร่แจ้งความ"อธิการฯ" ปมกั๊กหลักฐานอุทธรณ์โทษปลดออก
ถึงคิว มศว! อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ โร่แจ้งความตร.เอาผิด "อธิการฯ" พร้อมด้วย ปธ.คกก.ข้อมูลข่าวสาร กล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ยินยอมส่งมอบสำเนาสอบสวน เอกสารหลักฐาน เพื่อนำไปใช้ประกอบคำอุทธรณ์ดคีถูกลงโทษปลดออกจากราชการ 2 ครั้ง ตามข้อบังคับ ก.พ.อ.

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.57 นายสุรพล จรรยากูล อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี รศ.ลัดดาวัลย์ ผิวทองงาม รักษาราชการแทนอธิการบดี มศว กรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการลงโทษปลดตนเองออกจากตำแหน่ง 2 ครั้ง
โดยหนังสือแจ้งความ ระบุว่า "ด้วยอธิการบดี มศว (โดย รศ.ลัดดาวัลย์ ผิวทองงาม รักษาราชการแทนอธิการบดี มศว)ได้มีคำสั่งปลดกระผมออกจากราชการ ตามคำสั่ง มศว ที่ 2189/2557 เรื่อง ลงโทษปลดออกจากราชการ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 และกระผมลงนามรับทราบคำสั่งในวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ตามกฎหมายแล้ว กระผมมีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งปลดออกจากราชการต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา(ก.พ.อ.)ภายใน 30 วัน ตามมาตรา 62 วรรคแรกแห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547ซึ่งบัญญัติไว้ ดังนี้
มาตรา 62 ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการหรือถูกสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออก มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.อ. ได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ.อ. กำหนด
ให้ ก.พ.อ. พิจารณาอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของ ก.พ.อ.ซึ่งต้องไม่เกินเก้าสิบวัน
ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่พอใจในคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือในกรณีที่ ก.พ.อ. มิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาตามวรรคสอง ให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
ในการยื่นอุทธรณ์ข้างต้น ข้อบังคับ ก.พ.อ. ว่าด้วยการอุทธรณ์ฯ พ.ศ. 2549 กำหนดไว้ในข้อ 6 ว่า กระผมมีสิทธิขอคัดรายงานการสอบสวนและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อเตรียมการร่างอุทธรณ์ ดังนี้
“ข้อ 6 เพื่อประโยชน์ในการอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์มีสิทธิขอตรวจหรือคัดรายงานการสอบสวน...... รวมทั้งมีสิทธิขอตรวจหรือคัดบันทึกถ้อยคำบุคคล พยานหลักฐานอื่นๆ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง......”
กระผมจึงได้มีหนังสือถึงอธิการบดี มศว เพื่อขอใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับ ก.พ.อ. ข้อ 6 ข้างต้น โดยขอสำเนาสำนวนการสอบสวนและเอกสารที่เกี่ยวข้องในกระบวนการสอบสวนที่นำไปสู่คำสั่งปลดออกจากราชการ ราย นายสุรพล จรรยากูล ตามหนังสือของกระผมลงวันที่ 1 สิงหาคม 2557
กระผมได้รับแจ้งด้วยวาจาจากนิติกรของงานวินัยฯว่า ให้กระผมไปรับเอกสารที่ร้องขอได้ในวันที่ 8 สิงหาคม 2557 เมื่อไปถึงที่งานวินัยฯ นายชาญณรงค์ เอี่ยมสำอางค์ หัวหน้างานวินัยฯได้สั่งการให้ น.ส.ตังเม ราชอัคคี นิติกรของงานวินัยฯ ไปจัดทำสำเนารายงานการสอบสวน(สว.6)ให้แก่กระผม เมื่อกระผมได้รับ สว.6 แล้ว จึงสอบถามถึงเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง น.ส.ตังเมฯแจ้งว่า มีเพียง สว.6 เท่านั้นที่จัดเตรียมให้กระผม หลังจากนั้น ในวันเดียวกัน กระผมได้รับหนังสือจาก อ.วฤษฎิ์ อินทร์มา ผู้ช่วยอธิการบดี ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ มศว ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2557 แจ้งว่า ในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการร้องขอของกระผม ท่านได้เปิดเผยเอกสารที่กระผมร้องขอ เฉพาะในส่วนของ สว.6 เท่านั้น ทั้งๆที่สำเนาเอกสารที่กระผมต้องใช้ตามข้อบังคับ ข้อ 6 นั้นมีจำนวนหลายรายการมากกว่าที่ท่านพิจารณาจัดให้
ในวันที่ 9 สิงหาคม 2557 กระผมจึงมีหนังสือถึงอธิการบดี มศว และถึง อ.วฤษฎิ์ฯ เพื่อขอทราบเหตุผลว่าเหตุใดท่านจึงเปิดเผยเอกสารให้กระผมเพียง สว.6 เท่านั้น จนบัดนี้ กระผมยังมิได้รับทราบคำตอบที่สอบถามไปแต่อย่างใด และยังมิได้รับสำเนาเอกสารอื่นๆที่ร้องขอเพิ่มเติมอีกเลย ทั้งๆที่กระผมต้องยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2557 อย่างไรก็ตาม ภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดของข้อมูลที่กระผมได้รับเฉพาะ สว.6 เท่านั้น กระผมจำเป็นต้องจัดทำคำอุทธรณ์ฉบับเบื้องต้นเพื่อยื่นต่อประธาน ก.พ.อ.ไปพลางก่อน และกระผมได้ยื่นทางไปรษณีย์ในวันที่ 24 สิงหาคม 2557
กระผมขอเรียนว่า ในการจัดทำคำอุทธรณ์คำสั่งปลดออกจากราชการนั้น กระผมจำเป็นต้องได้รับเอกสารต่างๆทุกรายการในสำนวนการสอบสวนและที่เกี้ยวข้อง เพราะประเด็นการอุทธรณ์ต้องครอบคลุมทั้งประเด็นเนื้อหาของข้อกล่าวหา และประเด็นของกระบวนการสอบสวนตามกฎหมาย แต่ในกรณีของกระผมนี้ กระผมได้รับเพียง สว.6 เท่านั้น ในส่วนของเอกสารรายการอื่นๆนั้น อธิการบดี มศว และ อ.วฤษฎิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ มศว ไม่ดำเนินการให้ กระผมจึงได้รับผลกระทบเสียหายเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่สามารถมีข้อมูลที่สำคัญอย่างเพียงพอในการจัดทำคำอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนด 30 วันตามกฎหมาย
กระผมจึงขอแจ้งความต่อท่าน เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดี มศว และนายวฤษฎิ์ อินทร์มา ในฐานะประธานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ มศว อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะไม่ปฏิบัติตามข้อ 6 แห่งข้อบังคับ ก.พ.อ.ดังที่นำเรียนมา"
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
นายสุรพล จรรยากูล
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบความเห็นทางกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจของคณะกรรมการเกี่ยวกับอุทธรณ์ ร้องทุกข์ และจรรยาบรรณในการวินิจฉัยอุทธรณ์ของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (อ.ก.พ.อ.)แทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ศธ 0509.6 (2.1)/20034 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2556 เพื่อขอหารือกรณีสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 3 แห่ง โต้แย้งการทำหน้าที่ของ อ.ก.พ.อ. เกี่ยวกับการอุทธรณ์ ร้องทุกข์และจรรยาบรรณ คำสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออกอาจารย์ ในสังกัดว่า ไม่มีอำนาจทำการแทน ก.พ.อ.
โดย นายสุรพล จรรยากูล ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในอาจารย์ ที่สกอ.หยิกยกขึ้นเป็นกรณีประกอบในการยื่นเรื่องขอให้กฤษฎีกาตีความอำนาจของกฎหมายในเรื่องนี้ด้วย หลังจากที่ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ โต้แยงคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ อ.ก.พ.อ. ที่มีมติให้เพิกถอนคำสั่งของมหาวิทยาลัยฯ ที่สั่งให้นายสุรพล จรรยากูล ออกจากราชการ
เบื้องต้น คณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า อ.ก.พ.อ. ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการหรือถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 แทน ก.พ.อ.ได้
อ่านประกอบ :
ฟันธง!อ.ก.พ.อ.ไม่มีอำนาจรับอุทธรณ์คำสั่งลงโทษ-คดีอาจารย์ 3 ม.ดังส่อวุ่น
ม.อุบลฯ ระส่ำ!คดีอีนุงตุงนัง อธิการสั่งล้างบางทุจริต-โดนฟ้องกลับ
