"เหรียญเกียรติยศ-จิตใต้สำนึก"ที่สูงค่าของ"ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก"
"..เหรียญเกียรติยศที่ผมได้รับครั้งนี้ ผมยังไม่รู้สึกยินดีเท่ากับการยืนเป็นกำลังใจให้คนทุกชาติทุกภาษา ยิ่งเป็นคนผิวดำซี่งในอดีตหลายคนเขารู้สีกรังเกียจ แต่ในจิตใต้สำนึกของผมนั้น ผมยกทุกคนเอาไว้เหนือตนเองมาตลอดทั้งชีวิต.."

ในช่วงเช้าวันที่ 13 ก.ย. ตามเวลาในประเทศไทย "ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก" ราษฎรอาวุโส นักวิจัย นักวิชาการเกษตรผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ของประเทศไทยสู่สากล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบันอาศรมศิลป์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ส่วนตัว บรรยายความรู้สึกหลังขึ้นกล่าวปาฐกถาในงานประชุมกล้วยไม้โลกครั้งที่ 21ณ เมืองโจฮันเนสเบิร์ค สาธารณะรัฐแอฟริกาใต้ ในหัวข้อ "Holistic Education and Success in the conservation of local orchid Species in The World's Tropical Countries" และการมอบรางวัล Gold Madle Award แด่ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ณ Sandton Convention Center ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ค สาธารณะรัฐแอฟนิกาใต้ ทวีปแอฟริกา
ระบุว่า
คนไทยที่เคารพทุกคน บ่ายวันนี้ผมกล่าวปาฐกถาเป็นคนสุดท้าย
ผมคาดไม่ถึงเลยว่า การกล่าวของผมครั้งนี้มันทำให้หลายคนตกใจ เพราะทันทีที่กล่าวจบ คนในห้องซึ่งเป็นชาวต่างประเทศมาจากที่ต่างๆเขาลุกขึ้นมากอดผมแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นาน
ผมไม่ทราบว่าพูดอะไรออกไปที่มันทำให้พวกเขารู้สึกตื้นตันใจทั้งผู้หญิงผู้ชาย
ผมพูดแต่เพียงว่าตัวเองปลูกกล้วยไม้มาตั้งแต่เด็กและมีความซื่อสัตย์สุจริตที่มอบให้ทุกคนอย่างปราศจากการเลือกทึ่รักมักที่ชัง
ผมเล่าว่าในอดีตนั้น แม้แต่ปลูกกระท่อมหลังเล็กๆอยู่ในชนบทก็ยังใช้กระป๋องนมซึ่งถูกโยนทิ้งลงถังขยะแล้วมาทำเป็นพาชนะปลูกกล้วยไม้แขวนไว้ตามข้างฝาห้องนอน
ผมนึกถึงคนพื้นบ้านทึ่อยู่ในทวีปแอฟริกา คนเหล่านี้เขาเคยถูกคนมีเงินดูแคลนมาตลอด
ผมยืนอยู่เคียงข้างชาวนาชาวไร่รวมทั้งพวกเขาด้วย ภายในจิตใต้สำนึกนั้นผมรำลึกถึงคนแอฟริกาในยุคก่อนๆ
นี่แหละที่ผมต้องมาประชุมครั้งนี้ เพราะต้องการมาให้กำลังใจพวกเขาจะได้อยู่กันย่างสมศักดิ์ศรี
ผมแลเห็นคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเข้ามากอดผมแล้วจูบซ้ายจูบขวา จนเสื้อที่ผมสวมอยู่นั้นมันเต็มไปด้วยน้ำตา
ก่อนเข้าห้องผมซื้อหนังสือไว้ 2 เล่ม ซึ่งผู้เรียบเรียงได้เล่าว่าเขาใช้เวลาเขียสหนังสือดังกล่าวถึง 12 ปีเต็ม
คนเขียนหนังสือทั้งสองเล่มนั้นมากอดผมแล้วพูดว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมได้รับหนังสือเขาไป
ใครจะนึกบ้างว่าคนทั่วเล็กๆเท่าผงธุลีเช่นผมนั้นจะกลายเป็นคนที่คนหลายชาติหลายภาษาเขาเคารพรัก
ยิ่งเป็นงานระดับโลกครั้งนี้ด้วย ผมไม่อยากคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น เพราะผมมีนิสัยเจียมเนื้อเจียมตัวมาตั้งแต่เด็กแล้ว
คนที่นั่งอยู่ใรห้องประชุมแถบทั้งหมดต่างก็หลั่งน้ำตาสะอึกสะอื้น หลายคนเข้ามาจับมือผมไปกุมเอาไว้
รู้สึกว่าการประชุมครั้งนี้ถูกปิดลงด้วยพิธีกรรมที่เป็นมงคลอย่างถึงที่สุดที่พวกเขากล่าวเป็นเสียงเดียวกันหมด
ผมไม่เคยมาแอฟริใต้มาก่อน แต่มาครั้งนี้ได้เห็นคนพื้นบ้านยิ้มแย้มแจ่มใสและส่งสัญญาณบ่งบอกถึงอิสรภาพของพสกเขาอย่างน่าชื่นชมยินดี
สิ่งนี้มันเหนือกว่าเรื่องกล้วยไม้ทั้งหมด แต่มันเป็นเรื่องของมวลมนุษยชาติ โดยคนทุกชาติทุกภาษา ไม่ว่าใครจะยืนอยู่ ณ จุดไหนของโลก
เหรียญเกียรติยศที่ผมได้รับครั้งนี้ ผมยังไม่รู้สึกยินดีเท่ากับการยืนเป็นกำลังใจให้คนทุกชาติทุกภาษา ยิ่งเป็นคนผิวดำซี่งในอดีตหลายคนเขารู้สีกรังเกียจ
แต่ในจิตใต้สำนึกของผมนั้น ผมยกทุกคนเอาไว้เหนือตนเองมาตลอดทั้งชีวิต
สุดท้ายนี้ผมกราบขอบพระคุณคุณวรเดช วีรเวคิน เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณะรัฐแอฟริกาใต้และอุปทูตรวมทั้งทูตพาณิชย์และทูตทหาร ที่กรุณาให้เกียรติมาร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบเหรียญเกียรติยศของผมในครั้งนี้ด้วยครับ
ขอให้โชคดีโดยทั่วกัน
โจฮันเนสเบิร์ค แอฟริกาใต้
ระพี สาคริก
12 กันยายน 2557
หมายเหตุ : ภาพประกอบเรื่องจากเฟซบุ๊ก ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก
