รัฐบาลชิ่งกลางสภา โดดหนี"นครปัตตานี" เทพาปะทะเดือด อส.ดับ
แถลงนโยบายวันที่ 2 รัฐบาลเพื่อไทยพลิ้วอีกรอบเมื่อถูกประชาธิปัตย์รุมซักเรื่อง "นครปัตตานี" หลังเคยประกาศไว้ช่วงหาเสียง "ยงยุทธ" แจงเป็นความคิดของคนๆ เดียว ไม่ใช่มติพรรค ฉะนั้นไม่ทำแน่ เล็งรื้อโครงสร้าง ศอ.บต.เพิ่มภาคประชาชนให้ทำงานได้จริงแทน ขณะที่ รมว.ยุติธรรม ให้คำมั่นจ่ายชดเชยเหยื่อ "กรือเซะ-ตากใบ" ไม่ต่างเสื้อแดง ใต้เดือดคนร้ายเปิดฉากถล่มฐาน ยิงปะทะที่เทพา อส.-ทหารพรานดับ
นโยบายจัดตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษที่เรียกว่า "นครปัตตานี" เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการรวมพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เข้าเป็น "นคร" แล้วเลือกตั้งผู้ว่าราชการนครโดยตรงจากประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยประกาศเป็นนโยบายหาเสียงในช่วงเลือกตั้งนั้น ได้ถูกซักถามอย่างหนักในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลง นโยบายเมื่อวันพุธที่ 24 ส.ค.2554 เพื่อขอความชัดเจนว่ารัฐบาลจะเดินหน้าจัดตั้ง "นครปัตตานี" หรือไม่
นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายตอนหนึ่งว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดกันอย่างจริงจัง ตรงไปตรงมา ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ และบอกว่าจะให้ชายแดนภาคใต้เป็น "มหานครปัตตานี" เหมือนเมืองพัทยา แต่ต่อมากลับบอกในนโยบายว่าสนับสนุนการปกครองรูปแบบพิเศษซึ่งเป็นเพียงคำพูด เป็นวาทกรรม ไม่ใช่วิสัยทัศน์ หลังจากวันนั้นก็ไม่เคยได้ยินนายกฯพูดถึงอีกเลย จึงอยากทราบความชัดเจน
ทั้งนี้ มี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนที่อภิปรายซักถามประเด็นนี้ อาทิ นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น เนื่องจากในเอกสารนโยบายเขียนเอาไว้ว่า “ส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบที่สอดคล้องกับลักษณะพื้นที่”
รัฐบาลโดดหนี“นครปัตตานี” ลั่นไม่ทำแน่
จากนั้น นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า ในประเด็นเรื่องรูปแบบการปกครองท้องถิ่นที่ถามว่าความชัดเจนคืออะไรนั้น ยืนยันว่านครปัตตานีไม่ทำแน่นอน เพราะไม่ใช่นโยบายของพรรคและของรัฐบาล แต่เป็นความคิดของคนๆ เดียว รัฐบาลได้เขียนเป็นนโยบายอย่างกว้างๆ ว่าเป็นการกระจายอำนาจที่ถูกต้องเหมาะสมกับพื้นที่ การหาผู้นำไปทำหน้าที่ที่จังหวัดชายแดนใต้เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ซึ่งชายแดนภาคใต้ก็มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ โดยหากเขาเสนอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็อาจจะเป็นความเห็นส่วนตัวและก้าวกระโดดจนเกินไป
"ตรงนี้ถือเป็นโจทย์ที่ยาก ส่วนการปกครองท้องถิ่นรูปแบบที่เหมาะสมจริงๆ นั้น ก็ต้องมีการระดมความคิดกันว่าจะมีรูปแบบการปกครองใดเหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งเมื่อได้รูปแบบแล้วก็จะมาขอความเห็นชอบจากสภาอีกครั้ง" นายยงยุทธ ระบุ
เล็งผ่า ศอ.บต.เพิ่มภาคประชาชน
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า ในส่วนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั้น มองว่าถูกตั้งขึ้นมาโดยมีโครงสร้างที่เป็นประโยชน์ต่อภาครัฐมากกว่าประโยชน์ของประชาชน เพราะตำแหน่งเลขาธิการได้ระดับ 11 งบประมาณภาครัฐก็มี ข้าราชการที่อยู่ในภาคใต้ก็จะได้วันทวีคูณ แต่ไม่ชัดเจนว่าประชาชนได้รับประโยชน์เป็นรูปธรรมชัดเจนอย่างไรบ้าง
“ผมอยากปรับ ศอ.บต.เป็น 2 ส่วน คือ ศอ.บต.ในส่วนของภาคราชการก็ทำไป แต่ผมอยากเพิ่มความสำคัญกับภาคเอกชนใน ศอ.บต.ด้วย ไม่ใช่เฉพาะเป็นที่ปรึกษาหรือรูปแบบ แต่ขอให้การตัดสินใจของภาคประชาชนนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ซึ่งผมกำลังหารูปแบบที่เหมาะสม ยืนยันว่าจะไม่ทำอย่างพลการ และจะมาขอคำปรึกษา เพราะเรื่องอย่างนี้ทดลองไม่ได้ ต้องทำจริงๆ" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
"โกวิท"ป้อง"ทักษิณ"เจตนาดีแก้ปัญหาใต้
ต่อมา พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงว่า ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเกิดขึ้นมาหลายรัฐบาล และทุกรัฐบาลก็พยายามแก้ไข กำหนดนโยบายไปต่างๆ กัน เช่น ออกกฎหมายรองรับ ศอ.บต.ให้ทำงานควบคู่กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นต้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังไม่มีแนวทางใดที่แก้ปัญหาได้สำเร็จ 100% ส่วนตัวเองสมัย 10 ปีก่อนก็เลยลงพื้นที่ไปเยี่ยมลูกน้อง นั่งรถคันเดียวไปเยี่ยมได้ทุกที่ แต่วันนี้ทำไม่ได้แล้ว แสดงว่าสถานการณ์แย่ลง
ส่วนการทำงานแก้ไขปัญหาในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เท่าที่ทำงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มา ยืนยันได้ว่าท่านตั้งใจทำดีให้บ้านเมือง แต่การทำงานก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีบางเรื่องสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง นักรบต้องมีบาดแผล ผู้บริหารก็มีผิดพลาดบ้าง ไม่มีใครทำสำเร็จไปได้ทุกเรื่อง ขณะนี้ความคิดทางการเมืองที่จะนำมาแก้ไขปัญหาอาจไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่เป็นไร ส่วนตัวยินดีรับฟังและจะแก้ปัญหาภาคใต้อย่างเต็มกำลังและสติปัญญาที่มี
"ถ้าผมทำอะไรล้มเหลวผิดพลาดก็จะไม่อับอาย ถ้าผิดจะรับผิดและรับโทษอย่างลูกผู้ชาย ซึ่งรัฐบาลจะมุ่งมั่นแก้ไขภาคใต้ จะเสนออะไรก็ได้ เพราะพรรคเราไม่มี ส.ส.ภาคใต้ จึงขอเชิญพรรคประชาธิปัตย์และพรรคมาตุภูมิมาช่วยกัน" พล.ต.อ.โกวิท ระบุ
"เจะอามิง"จี้รัฐจ่ายเยียวยาเหยื่อไฟใต้
จากนั้น นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า อยากถามรัฐบาลที่มีแนวคิดจ่ายค่าชดเชยให้กับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจาก เหตุการณ์ทางการเมืองรายละ 10 ล้านบาท จะครอบคลุมไปถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ทั้งกรือเซะ ตากใบ จนมีประชาชน โต๊ะครู ครู ทหาร ตำรวจ พลเรือนเสียชีวิตด้วยหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดจากการบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน และอดีตนายกฯก็ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับความผิดพลาดแล้ว
"ประชา"ยันจ่ายทุกกลุ่ม-รอเคาะตัวเลข
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องการจ่ายเงินชดเชยเยียวยานั้น รัฐบาลได้คิดไว้แล้ว โดยจะเยียวยาสำหรับทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจากเหตุการณ์กรือเซะ วันที่ 28 เม.ย.2547 ทีมฟุตบอลสะบ้าย้อย (นักฟุตบอลเยาวชนถูกยิงเสียชีวิต 19 ศพในวันที่ 28 เม.ย.2547) เหตุการณ์ตากใบ วันที่ 25 ต.ค.2547 เหตุการณ์ที่มัสยิดอัลฟุรกอน (วันที่ 8 มิ.ย.2552)
"เราต้องมีคณะกรรมการคณะหนึ่งเพื่อพิจารณา โดยยึดหลักของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่าทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด" พล.ต.อ.ประชา กล่าว
ผบ.ทบ.ขอรัฐประกาศเคอร์ฟิว
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ความรุนแรงยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกรัฐบาลมีนโยบายในการแก้ไขปัญหา สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น มีอย่างเดียวที่ยังไม่ดีขึ้น 100% คือการก่อเหตุรุนแรง เนื่องจากยังมีการบาดเจ็บและสูญเสีย วิธีการที่จะทำให้สงบเงียบเรียบร้อยและง่ายขึ้นกว่านี้ก็ต้องเป็นเรื่องของ รัฐบาลที่จะต้องตัดสินใจว่าจะให้บังคับใช้กฎหมายมากขึ้นหรือไม่อย่างไร เช่น การประกาศเคอร์ฟิวในช่วงกลางคืน ซึ่งจะทำให้แยกแยะคนได้ แต่ดูว่าจะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น
ขณะที่สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 08.00 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ขี่ตามประกบและใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง นายอัมมะลี อับดุลเลาะ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/5 ถนนตันหยงมะลิ ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายเลี่ยงเมือง ท้องที่บ้านสวนพร้าว อ.สุไหงโก-ลก หลังจากที่นายอัมมะลีกลับจากส่งลูกชายไปโรงเรียน และกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่สังหารผู้ บริสุทธิ์รายวัน
ปะทะเดือดที่เทพา อส.-ทหารพรานพลีชีพ
เวลาประมาณ 19.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ นิตยวิมล ผู้กำกับการ สภ.เทพา จ.สงขลา รับแจ้งเหตุกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามโจมตีฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาสันติ ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 บ้านเกาะแลหนัง ต.ปากบาง อ.เทพา ซึ่งเป็นฐานกำลังผสมของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทหารพราน อาสารักษาดินแดน (อส.) และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)
ทั้งนี้ หลังการบุกเข้าโจมตี ได้เกิดการยิงปะทะกันระหว่างฝ่ายคนร้ายกับเจ้าหน้าที่นานกว่า 15 นาที จากนั้นกลุ่มคนร้ายซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10 คนและมีรถกระบะ 2 คันเป็นพาหนะจึงล่าถอยไป เบื้องต้นมีรายงานว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย คือ นายราเหม แฉะ เป็น อส.ประจำ อ.เทพา และยังมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 นายคือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) มะนารี อาหามะ กับ นายนุดดีน แน ชรบ.บ้านเกาะแลหนัง ต่อมา อส.ทพ.มะนารี ซึ่งอาการสาหัส และถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจที่โรงพยาบาล
มีรายงานด้วยว่า ระหว่างที่กลุ่มคนร้ายกำลังขับรถกระบะ 2 คันหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุและมุ่งหน้าไปยังถนนสายเอเชีย (หาดใหญ่-ปัตตานี) นั้น ได้เผชิญหน้ากับรถของเจ้าหน้าที่ที่นำกำลังเข้าไปเสริมพอดี จนเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดอีกรอบ ทำให้กลุ่มคนร้ายตัดสินใจทิ้งรถกระบะสีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตน 2054 ยะลาและรถกระบะสีเขียวอ่อน หมายเลขทะเบียน คม 9898 ยะลา และกระจายกันหลบหนีเข้าไปในป่าสองข้างทาง คาดว่าน่าจะมีคนร้ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บด้วย
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.เอกภพ ประสิทธิวัฒนชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (รองผบก.ภ.จว.สงขลา) ได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยใกล้เคียงกว่า 100 นาย สนธิกำลังกันปูพรมตรวจค้นเพื่อไล่ล่ากลุ่มคนร้าย โดยยิงพลุส่องสว่างเพื่อช่วยในการค้นหา สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะอาจเกิดการปะทะได้อีกทุกเมื่อ ส่วนรถกระบะทั้งสองคันนั้น เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังคุมไว้ ยังไม่กล้าเข้าตรวจค้น ต้องรอเจ้าหน้าที่ชุดวิทยาการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะเข้าดำเนินการในวันรุ่งขึ้น
ยิงผู้ใหญ่บ้านละหาร-บึ้ม จนท.เจ็บ 5 ที่โก-ลก
เวลา 21.05 น.มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายหามิ กือมิ อายุ 60 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านละหาร หมู่ 5 อยู่บ้านเลขที่ 57 บ้านปรีกู บ้านย่อยของบ้านละหาร หมู่ 5 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เสียชีวิตขณะยืนอยู่หน้ามัสยิดบ้านปรีกู เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ส่วนที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันอังคารที่ 23 ส.ค. เวลา 18.45 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 บริเวณคอสะพานบ้านลาแล หมู่ 1 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก ขณะที่ทหารชุดดังกล่าวซึ่งมีกำลังพล 8 นาย กำลังเดินทางโดยรถกระบะกลับจากร่วมพิธีละศีลอดของพี่น้องมุสลิม ที่มัสยิดบ้านปูโยะ หมู่ 2 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก กำลังมุ่งหน้ากลับฐานปฏิบัติการซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านโต๊ะแดง หมู่ 5 ต.ปูโยะ แรงระเบิดทำให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 5 นาย
รายชื่อผู้บาดเจ็บประกอบด้วย ร.ท.สุวัจน์ พูนคุ้ม อายุ 52 ปี จ.ส.อ.สุนทร ม่วงขวัญ อายุ 49 ปี ส.อ.เจตนิพัฒน์ วงศ์เขื่อนแก้ว อายุ 29 ปี พลทหารสุชาติ เหลาประเสริฐ อายุ 22 ปี และพลทหารขวัญชัย หอมยามเย็น อายุ 22 ปี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-4 รถกระบะที่คนร้ายจอดทิ้งไว้แล้วหลบหนีเข้าป่า หลังเปิดปฏิบัติการใช้อาวุธสงครามยิงถล่มฐานของหน่วยพัฒนาสันติที่ บ้านเกาะแลหนัง อ.เทพา จ.สงขลา (ภาพทั้งหมดโดย สุเมธ ปานเพชร)