เลขา ป.ป.ท.-ผอ.องค์กรต้านคอร์รัปชั่น หนุนกม.คุมใช้งบซื้อสื่อ “พีอาร์รัฐ”
ผอ.องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น-เลขา ป.ป.ท.-นักวิจัยทีดีอาร์ไอ หนุนกฎหมายควบคุมการใช้งบประมาณเพื่อการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ หวั่นสื่อถูกซื้อ ถูกแทรกแซงจากนักการเมือง-ข้าราชการ ภาษีประชาชนถูกนำไปใช้อย่างเปล่าประโยชน์
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2557 ที่อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการจัดงาน เสวนา “กฎหมายควบคุมพีอาร์รัฐ” ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการ สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดร. มานะ นิมิตรมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น นายธิปไตร แสละวงศ์ นักวิจัยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ( TDRI ) ดำเนินรายการโดย นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ดร.มานะ กล่าวว่า หลักการสำคัญ ของกฎหมายควบคุมงบประมาณการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐนี้ เพื่อให้เงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน ต้องไม่ถูกนำไปใช้เพื่อบิดเบือนกลไกตลาด หรือให้นักการเมือง ข้าราชการนำไปอุดหนุนพวกพ้อง เพราะที่ผ่านมาพบว่า สื่อถูกภาครัฐ ข้าราชการและนักการเมือง ใช้เป็นเครื่องมือในการซื้อหรือปิดปากสื่อ
“ถ้าเราสามารถปลดล็อค สื่อ จากอิทธิพลทางด้านการเมือง และอิทธิพลใดๆ ได้ มันจะเป็นการเปิดกว้างของเสรีภาพการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เนื่องจาก ถ้าเขาปิดปากสื่อได้ ข้อมูลจะไม่ไปสู่สาธารณะ"
ดร.มานะ กล่าวต่อไปว่า สื่อมีความสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูล ดังนั้น หัวใจสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือ ควบคุมการใช้งบประมาณของภาครัฐ ให้ถูกนำไปใช้อย่างมีคุณค่า ตอบสนองวัตถุประสงค์ และเป็นไปเพื่อการเผยแพร่กิจการของรัฐที่มีประโยชน์
"เราไม่อยากเห็นนักการเมือง ใช้เงินของประชาชนเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเอง เพื่อเอาเงินจำนวนนี้ ไปให้พวกพ้องตัวเอง” ดร.มานะระบุ และกล่าวด้วยว่าจะพยายามผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เกิดขึ้น โดยระหว่างนี้ อยู่ในขั้นตอนหารือ ระดมความเห็นกับองค์กรวิชาชีพสื่อ สมาคมผู้ผลิดโฆษณา องค์กรภาคธุรกิจ เอกชน และประสานความร่วมมือด้านข้อมูลและงานวิจัยกับทีดีอาร์ไอ
ดร.มานะกล่าวว่า ปัจจุบัน การใช้เงินโฆษณา ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่เพียงกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ที่อื่นๆ ก็มี เช่น เมื่อไม่นานมานี้ พบว่า ที่สี่แยกกลางเมือง จ.ชลบุรี ก็มีการประชาสัมพันธ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผ่านจอแอลซีดี วางไว้ในระดับสายตาคน และจอภาพสว่างมาก นอกจากเป็นการใช้งบประมาณที่ต้องตั้งคำถามแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย
“ในการปฏิรูปประเทศไทยที่กำลังเกิดขึ้น ทำอย่างไรเราจะมีมาตรการที่เปิดกว้าง ให้ ภาคประชาชนเข้าไปตรวจสอบ การจัดซื้อจัดจ้าง อย่างเสรี และจะทำอย่างไร ที่สื่อสารมวลชนจะไม่ถูกแทรกแซง จากทั้งนักการเมืองและข้าราชการ เพราะหากกซื้อสื่อได้ มันจะทำให้สังคมไทยเกิดความหายนะ ทำอย่างไรจะให้ประชาชนเขารับรู้ถึงความหายนะที่เกิดจากการคอร์รัปชั่น”
ดร.มานะกล่าวว่า นี่คือวาระแห่งชาติ แต่วาระแห่งชาติต้องไม่ใช่แค่คำพูด แต่ต้องมีแนวทางที่เป็นรูปธรรม และชัดเจน
ส่วนนายประยงค์ เลขาฯ ป.ป.ท. กล่าวว่า ขอสนับสนุนหลักการของร่างกฎหมายดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนของงบประมาณที่ต้องมีกฎหมายบังคับเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ให้การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
“โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า ต้องมีกฎหมายนี้ ต้องโปร่งใส เป็นธรรม ขอสนับสนุนในหลักการ"
นายประยงค์กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก่อนที่ คสช.จะเข้ามาบริหารประเทศ มีปัญหาการทุจริตแรงมาก จนถึงขั้นที่เลยความเสียหายด้านเม็ดเงินไปเยอะมาก กระทั่งแทรกแซงรัฐ ธุรกิจการค้า รวมทั้งระบบ ราชการ เพื่อจะวนกลับมาทำการทุจริต ได้ดีขึ้น สังคมจึงจำเป็นต้องมีโครงสร้างที่เป็นเกราะป้องกัน กฎหมายที่จะออกมาบังคับใช้ต้องตั้งอยู่บนหลักนิติธรรม และถ้ามีข้อขัดแย้งในกฎหมายก็ต้องมีการตัดสินที่เป็นธรรม
ขณะที่นายธิปไตร นักวิชาการ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ฟิลิบปินส์ และอินเดียก็มีการเรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุมงบประมาณการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ ถ้าประเทศไทยมี จะถือว่าก้าวล้ำ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาไปได้
"กฎหมายในต่างประเทศที่เกี่ยวกับการควบคุมงบประมาณการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ ที่ได้ศึกษาเป็นแนวทางคือ กฎหมายของออสเตรเลีย กับ รัฐ ออนแทริโอ แคนาดา โดยเฉพาะกรณีของออสเตรเลีย จะมีการตั้งคณะกรรมการที่เป็นผู้เชียวชาญและทรงคุณวุฒิเข้ามาทำหน้าที่ดูตรวจสอบ แผนการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ ของหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำฐานข้อมูลบันทึกไว้ด้วยว่า ถ้าแนวทางการใช้งบประมาณและการประชาสัมพันธ์ในวิธีที่เคยใช้ ประสบผลสำเร็จหรือไม่ หากไม่ประสบผลก็ไม่ต้องใช้"
นอกจากนี้ กฎหมายของต่างประเทศให้ความสำคัญกับการห้ามเผยแพร่ภาพและเสียงของนักการเมือง และหากเป็นการประชาสัมพันธ์ของรัฐซึ่งเป็นงบที่มาจากภาษีของประชาชน ก็ต้องระบุให้ชัดเจน ว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ที่มาจากภาษีของประชาชน
นักวิชาการรายนี้ ยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันทีดีอาร์ไอ ยังไม่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประชาสัมพันธ์ประเภทงานอีเวนท์ของภาครัฐ อย่างจริงจัง เนื่องจากประเมินยาก
“การจัดอีเวนท์ ประเมินยาก แต่มีผู้คนในแวดวงโฆษณาให้ข้อมูลคร่าวๆ ว่างานอีเวนท์ จะใช้งบมากกว่า การประชาสัมพันธ์ปกติเท่าหนึ่ง ดังนั้น หากปีที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐ ใช้งบประชาสัมพันธ์ ประมาณ 8,000 ล้านบาท งบประมาณสำหรับงานอีเวนท์ ก็อาจมากกว่านี้เท่าหนึ่ง
อ่านประกอบ :
"เดือนเด่น-ทีดีอาร์ไอ"เผยเบื้องหลังผลวิจัยรัฐซื้อสื่อ- นสพ.น่าห่วงสุด
เจาะเบื้องลึกทีมวิจัย “รัฐซื้อสื่อ” : ชำแหละกรณีศึกษา “นสพ. 4 ฉบับ”
เปิดโครงสร้างกม.ต่างประเทศ คุม "รัฐซื้อสื่อ-กำกับจริยธรรมวิชาชีพ"