ยูนิเซฟระดมทุนเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการระบาดของอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก
กรุงเทพฯ 14 ตุลาคม 2557 – วันนี้องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ประกาศระดมเงินทุนอย่างเร่งด่วนจากประชาชนไทยเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาซึ่งกำลังคร่าชีวิตผู้คนในแอฟริกาตะวันตก
นายพิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า เชื้อไวรัสอีโบลาซึ่งขณะนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 4,000 คนในแถบแอฟริกาตะวันตกและอีก 1 คนในสหรัฐอเมริกา “อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้คนอีกหลายล้านคนหากไม่มีการเร่งควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน”
ขณะนี้ มีรายงานผู้ติดเชื้ออีโบลาแล้วกว่า 8,300 รายในประเทศกินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน ไนจีเรีย เซเนกัล และล่าสุดในสหรัฐอเมริกาและสเปน โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อเสียชีวิตลง การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาอย่างรวดเร็วในขณะนี้ ยังได้ทำลายระบบบริการทางสาธารณสุขขั้นพื้นฐานอีกด้วย
ยูนิเซฟประเมินว่ามีเด็กอย่างน้อย 3,700 คนในประเทศกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ต้องเป็นกำพร้าเนื่องจากพ่อหรือแม่หรือทั้งสองคนเสียชีวิตจากอีโบลา โดยเด็กๆ จำนวนมากกำลังถูกทอดทิ้งและไม่ได้รับการเหลียวแลจากญาติที่หลงเหลืออยู่ เนื่องจากญาติกลัวติดเชื้อ นอกจากนี้ ยูนิเซฟยังประเมินว่า มีเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 8.5 ล้านคน อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอีโบลาในประเทศกินี เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย ในจำนวนนี้มีเด็กอายุต่ำกว่าห้าขวบถึง 2.5 ล้านคน
ยูนิเซฟได้ประกาศระดมทุนจากทั่วโลกจำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับการระบาดครั้งนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการระดมทุนภายในกรอบระยะเวลาหกเดือน จำนวน 987.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่รัฐบาลและองค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่างๆ จะนำไปใช้รับมือกับการระบาดครั้งนี้
นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยูนิเซฟได้ดำเนินการขนส่งอุปกรณ์ป้องกันโรค เครื่องใช้สุขอนามัย ตลอดจนยารักษาโรคที่จำเป็นกว่า 1,300 ตันทางอากาศไปยังประเทศกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นในการช่วยเหลือเด็ก ครอบครัวและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอีโบลา ตลอดจนให้การดูแลเด็กกำพร้าจากอีโบลาและเด็กที่ถูกละเลยจากญาติพี่น้อง
ในเซียร์ราลีโอน ยูนิเซฟและพันธมิตรได้จัดอบรมผู้รอดชีวิตจากอีโบลากว่า 2,500 คน เพื่อช่วยดูแลเด็กๆ ที่อยู่ในสถานพยาบาลระหว่างช่วงเฝ้าระวังโรค ส่วนในประเทศกินี ยูนิเซฟได้จัดการเยียวยาทางจิตใจแก่ครอบครัวและเด็กกว่า 60,000 คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา
นอกจากนี้ ยูนิเซฟและพันธมิตรยังทำงานเพื่อป้องกันการระบาดผ่านการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์มือถือ วิทยุ โทรทัศน์ การรณรงค์ตามบ้าน ตลอดจนการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในชุมชน เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่จำเป็นให้แก่ประชาชน เช่น วิธีการติดต่อของเชื้อไวรัส การจัดการและฝังศพผู้เสียชีวิตอย่างปลอดภัย และวิธีการดูแลสมาชิกในครอบครัวที่ติดเชื้ออีโบลา
“ยูนิเซฟกำลังเร่งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตเด็กและครอบครัว” นายพิชัยกล่าว “เราทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลาอย่างแท้จริงเพื่อรับมือกับการระบาดของอีโบลา เราต้องการความช่วยเหลือจากทุกท่าน ทุกองค์กร และทุกประเทศอย่างเร่งด่วน เพื่อร่วมมือกันต่อสู้กับวิกฤตการณ์ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้”