‘นายกฯ’ บินอิตาลีร่วมประชุม อาเซม
‘นายกฯ’ บินอิตาลี ร่วมประชุมอาเซม ยันพร้อมแจงสถานการณ์บ้านเมืองต่อนานาชาติ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 15 ต.ค.57 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษ ทีจี 8880 เพื่อเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นําเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting - ASEM) ครั้งที่ 10 ซึ่งมีอิตาลีเป็นเจ้าภาพ และมีสหภาพยุโรป (European Union - EU) เป็นประธาน โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 ตุลาคม 2557 ที่นครมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ผู้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวประกอบด้วยผู้นํารัฐบาลหรือผู้แทนจากประเทศ สมาชิก 53 ราย
สำหรับการประชุม ASEM มีกําหนดจัดปีเว้นปี สลับกับการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยประเทศสมาชิก ASEM ฝ่ายยุโรปและเอเชียสลับกันเป็นเจ้าภาพ ในการประชุมแต่ละครั้ง โดยจะหารือในกรอบ 3 เสา หลัก ได้แก่ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม สําหรับการประชุม ASEM ครั้งที่ 10 สหภาพยุโรป ในฐานะประธานการประชุมได้กําหนดหัวข้อหลักของการประชุมครั้งนี้ว่า “Responsible Partnership for Sustainable Growth and Security” โดยการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางออกนอกภูมิภาค เพื่อพบปะผู้นำต่างชาติ และแนะนำตัวเองกับต่างชาติ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ ในประเด็นที่ไทยให้ความสําคัญ ได้แก่ ความสําคัญของการเพิ่ม ความเชื่อมโยงระหว่างกัน (connectivity) ภายในภูมิภาคและระหว่างภมูิภาค การสนับสนุนความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ โดยเน้นการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนระหว่างสมาชิก ASEM บทบาทของไทยในการรับมือกับปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม ASEM เพื่อแสดงจุดยืน และท่าทีของไทยต่อประเด็นที่ท้าทาย เช่น การแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง เช่น Ebola และการกําหนดทิศทางในอนาคตของ ASEM ก็เพื่อยืนยันการมีส่วนร่วมของไทยต่อเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ แม้ว่าไทยจะอยู่ในภาวะเปลี่ยนผ่าน แต่ยังมีความรับผิดชอบ และมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความท้าทายใหม่ๆ ร่วมกัน นอกจากนี้ ไทยจะเข้าร่วมการประชุมผู้นําอาเซียน-สหภาพยุโรปอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อกําหนด ทิศทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปและหารือประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ที่อยู่ในความสนใจและมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ ไทยจะรับหน้าที่เป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน- สหภาพยุโรปต่อจากเวียดนามในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2558
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนออกเดินทางว่า การประชุมอาเซมนี้ จัดโดยสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งอาเซม มีสมาชิกทั้งหมด 53 ประเทศ ส่วนการเข้าหารือผู้นำต่างประเทศนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ คงจะได้คุยกับหลายประเทศทั้งในส่วนของอาเซียน และยุโรปด้วย โดยเราจะพูดกันในเรื่องสามเสาหลัก และการค้า การลงทุนในทุกมิติ ที่มีความสัมพันธ์ต่อกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความคาดหวังในการเข้าร่วมประชุมอาเซมคือ การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับยุโรปนั้นคงจะพัฒนามากขึ้นในระยะต่อไป จากเดิมที่ดีอยู่แล้ว โดยเวลา 3 นาทีที่ตนจะได้พูดในเวทีอาเซมนั้น จะเน้นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเตรียมการด้านความมั่นคง และการเชื่อมโยงที่ดีขึ้น ทั้งนี้เราพูดในนามของอาเซียนฉะนั้นเราต้องพูดว่าทุกประเทศในอาเซียนต้องสร้างความเข้มแข็งของตัวเองในทุกมิติ และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน สิ่งที่จะคุยกันต่อคือไทยเป็นกลุ่มประเทศหลักด้านผลผลิตเกษตรกรรม โดยอาจจะพูดถึงการเจรจาข้อตกลงในระยะต่อไป ที่เราได้มีการตั้งคณะกรรมการอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมามีการพูดคุยกันน้อยไปบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการพูดคุยในกรณีไทยถูกกีดกันด้านการค้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่ากีดกัน มันเป็นเรื่องของการพัฒนาตามสถานการณ์โลก ซึ่งคือสิ่งที่เราต้องช่วยกันคิดว่า เราอย่ามัวแต่รอรับกติกาที่ออกมาไม่ได้ ซึ่งเราต้องคิดในเชิงรุก ว่าเราจะเดินหน้าเศรษฐกิจอย่างไร เราต้องเตรียมการรับทุกมาตรการ สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือการพัฒนาภาคเศษฐกิจของเราให้เข้มแข็งขึ้น รัฐต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการลงทุนให้เข้าถึงกองทุนในธุรกิจ ทุกประเภท ซึ่งเรามีสินค้าส่งออกหลายประเภท ฉะนั้นมีปะเด็นสำคัญคือเรื่องราคา และตลาด ส่วนการกีดกันต่างๆเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นกติกาโลก คนมากขึ้นการแข่งขันมากขึ้น ผลผลิตมากขึ้น มันต้องมีการแข่งขันกัน เราต้องเตรียมพร้อมปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มเทคโนโลยี สร้างนวัตรกรรมใหม่ๆมา
วันนี้ถ้าเรายังทำงานเชิงรับอยู่เหมือนเดิมเราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ในอนาคต ซึ่งเวลาเราปีสองปีนั้นน้อยมาก แต่เราปรับหมดในข้อตกลง ภาษีต่างๆ เหมือนกับทุกประเทศที่มีมาตรการของเขาในการทำให้ผลผลิตมีราคาสูงขึ้น ฉะนั้นการนำเข้าจึงลดลง
เมื่อถามว่าปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางอาเซมมองเป็นอุปสรรคด้านการค้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่อง เรียนว่าปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีอยู่บางพื้นที่ ไม่ใช่ภาคใต้ทั้งหมด จึงขอฝากว่า ถ้าเราพูดว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่ วันนี้การค้าการลงทุนต่างๆนั้นเดินอยู่ เพียงแต่การลงทุนขนาดใหญ่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะปัญหาเรื่องความมั่นคง ซึ่งเราต้องสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้เขา วันนี้มีการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอมากขึ้น ตนก็แก้กติกาต่างๆ และเพิ่มห้วงระยะเวลาในการให้การสนับสนุน มีกองทุนต่างๆ ทั้งนี้ภายในปีนี้จะเร่งให้เกิดขึ้นให้ได้ คือในเรื่องของการแปรรูปยาง ในชั้นต้น เพื่อให้ราคาในพื้นที่สูงขึ้น ลดปัญหาการขนส่งเข้ามาส่วนกลางและส่งออก วันนี้ปัญหาอยู่ที่ราคาผลิตผลจากวัตถุดิบจากสวนยาง และส่งขายต่างประเทศ ส่วนในประเทศก็ใช้น้อย ซึ่งเราได้เร่งทุกทางคือเร่งการเพิ่มมูลค่าของยางดิบ โดยจะมีการเจรจาขอความร่วมมือกับบริษัทผลิตยางรถยนต์ ให้ผลิตมากขึ้น ในส่วนของการใช้ในประเทศ ด้านเหล่าทัพ จะให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาว่าโรงงานของเราที่มีการทำอยู่แล้วจะส่งเสริมได้อย่างไร ในการใช้ยางให้มากขึ้น เราต้องดูทุกอย่าง อย่ามองว่าราคาตกอย่างเดียวแล้วจะขายใคร ตรงนี้มันยาก เราต้องเริ่มในเรื่องของการใช้ผลผลิตที่มีอยู่มากมายทั้งข้าว ยาง มันสำปะหลัง อ้อย ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ส่วนไหนที่เกินก็ส่งขาย แล้วจึงไปพูดคุยกันถึงการยอมรับในราคา โดยเมื่อมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการในที่ประชุมอาเซม ตนก็จะหาทางพูดคุยถึงความร่วมมือดังกล่าวด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับผู้นำต่างประเทศนั้น ตนยินดีคุยกับทุกประเทศ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีเวลาอย่างไร ไม่ใช่เขาอยากคุยหรือไม่อยากคุย ซึ่งถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองตนพร้อมชี้แจงอยู่แล้ว ตนตอบได้หมด อย่างไรก็ตามส่วนล่วงหน้าของกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้แจ้งว่าต่างประเทศมีความสงสัยในประเทศเราเลย เขาเป็นกำลังใจให้เรา เพียงแต่ต้องขอว่าทำให้รวดเร็ว
ขอบคุณข่าวจาก

