“หม่อมอุ๋ย”เลคเชอร์ ดิจิทัลอีโคโนมี เก่าที่อื่น ใหม่ที่ไทย ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
"...ดิจิทัลอีโคโนมี แม้จะเก่าในประเทศอื่น ใหม่ในเมืองไทย แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

11 พฤศจิกายน “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” รองนายกรัฐมนตรี ได้รับเชิญกล่าวปาฐกถาปิดในงานสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2558 ก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำเศรษฐกิจไทย โดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์
“ม.ร.ว.ปรีดิยาธร” ย้ำว่า เศรษฐกิจไทยจะยั่งยืนได้ต้องเริ่มจากการแก้จุดอ่อนทางโครงสร้างให้ได้ทั้งหมด อาทิ แก้ไขการใช้พลังงานไม่ให้ฟุ่มเฟือย แก้ไขโครงสร้างรายได้ภาษีให้สมดุล หากไม่แก้จุดอ่อนนี้ประเทศไทยยิ่งพัฒนายิ่งแพ้
“สำคัญที่สุดคือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งภาษีสรรพสามิตที่ยังไม่ยุติธรรม โดยมุ่งที่จะให้ฐานภาษีกว้างและมีรายได้มากขึ้น หากขยายฐานภาษีได้ ดูให้ดี จัดให้แฟร์ และระมัดระวังเรื่องงบประมาณรายจ่าย เราจะขยายงบการลงทุนที่เป็นประโยชน์ทั่วกันสำหรับคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่เศรษฐีเท่านั้น”
นอกจากนี้ยังต้องแก้ไขโครงสร้างต้นทุนการขนส่งสินค้าอย่างจริงจัง รวมทั้งแก้ไขจุดอ่อนเรื่องการศึกษา โดยเฉพาะการบริหารจัดการครูไปสู่อำเภอต่างจังหวัดรอบนอก เพราะขณะนี้ช่องว่างคุณภาพครูในอำเภอเมืองกับนอกอำเภอต่างกันค่อนข้างมาก และควรผลิตบัณฑิตเพื่อวิชาชีพให้มากขึ้น
“แต่สิ่งผมเป็นห่วงคือ คุณภาพการศึกษาหลังจากการเมืองในอนาคตกลับมา ฉะนั้นฝากให้สภาปฏิรูปช่วยคิดว่าจะสามารถนำการศึกษาออกจากการเมืองได้หรือไม่ ให้ไปอยู่ภายใต้คณะผู้ทรงคุณวุฒิใดคณะหนึ่ง แล้วเลือกทีมผู้บริหารการศึกษา วางแผนและเดินตามแผน ถ้าทำได้ผมว่าประเทศไทยไปรอด แต่ถ้ามีแผนดี แต่ไปเจอปัญหาการเมือง ก็อาจจะทำให้แผนการศึกษาระยะยาวสะดุดได้”
รองนายกรัฐมนตรี ชี้ว่า ส่วนการดูแลให้เศรษฐกิจยั่งยืนสิ่งสำคัญที่สุดคือ นอกจากทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นแล้ว จะต้องทำให้คนชนบทมีรายได้สูงขึ้นด้วย
“ประเด็นสำคัญที่จะทำให้เกษตรกรหรือชาวนามีรายได้เพิ่มคือ จะต้องสนับสนุนการนำพืชผลไปใช้ในประโยชน์อื่นนอกจากประโยชน์ที่เป็นอยู่ เช่น นำมันสำปะหลังหรืออ้อยไปผลิตเอทานอลอย่างที่เคยทำมาแล้ว หากเราหาทางนำพืชผลไปทำอะไรที่คนใช้ประโยชน์ได้ยั่งยืน ถาวร ขายง่าย นี่คือทางออกสำคัญที่สุด”
“ล่าสุด ผมกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรมกำลังจะไปดูรับเบอร์ซิตี้ของจีน ขณะที่นักลงทุนจีนก็จะมาหารัฐมนตรีเกษตรฯเพื่อหารือสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์จากยางฯ นี่คือทางหนึ่งที่จะทำให้ราคาพืชผลขยับขึ้นและทำให้รายได้เกษตรกรสูงขึ้น” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังกล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนไทยกำลังขยายฐานการผลิตไปสู่ต่างประเทศจำนวนมากทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ปรับตัวไปสู่การเป็นผู้ค้าโลก ในอนาคตหากทำมีศักยภาพได้ทุกผลิตภัณฑ์ประเทศไทยจะกลายเป็นเทรดดิ้งเนชั่นของภูมิภาค แต่ทั้งนี้รัฐบาลต้องทำหลายอย่าง เช่น สนับสนุนบีโอไอให้นำคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ หากเทรดดิ้งเนชั่นอยู่ที่เมืองไทยจะทำให้ไทยกลายเป็นฮับของของภูมิภาค
เขายังย้ำว่า นอกจากนี้ต้องวางโครงสร้างดิจิทัลอีโคโนมีให้เท่าเทียมกับประเทศอื่น ด้วยการปรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้คนในประเทศทั่วประเทศเข้าถึงได้ง่ายด้วยการวางระบบไฟเบอร์ออฟติก วางสายเคเบิ้ลเชื่อมโยงเกตเวย์กับต่างประเทศ พัฒนาให้คนไทยคุ้นเคยกับดิจิทัลจนสามารถพัฒนาและสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจได้ เพื่อเป็นฐานรองรับครีเอทีฟอีโคโนมีได้อย่างแท้จริง
“ในอนาคตถ้าเราทำดีดี ภาครัฐและเอกชนช่วยกันทำเรื่องเหล่านี้ เราสามารถตั้งฐานเป็นเทรดดิ้งเนชั่นของภูมิภาคนี้ได้ และถ้าผมได้รับการสนับสนุนเรื่องดิจิทัลอีโคโนมีเต็มที่ แม้จะเก่าในประเทศอื่น ใหม่ในเมืองไทย แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” หม่อมอุ๋ยกล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณภาพจาก:คลังภาพ ศูนย์สื่อทำเนียบ
