สธ.จับตาวิกฤติ "โรคเครียด-เสี่ยงฆ่าตัวตาย" ที่ชายแดนใต้
7 ปีไฟใต้กระทบประชาชนทุกกลุ่มกว่า 2 หมื่นราย บาดเจ็บ-พิการ 8.5 พันคน สาธารณสุขสั่งเฝ้าระวัง 5 โรคสำคัญ ทั้งเครียด-เสี่ยงฆ่าตัวตาย หลังพบผู้ป่วยสูงกว่าเกณฑ์ปกติ จัดทีมลงพื้นที่ “ปฐมพยาบาลจิตใจ” อย่างใกล้ชิด
ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องยาวนานที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อผลกระทบทางจิตใจแก่ผู้คนจำนวนมาก และยังนำมาสู่โรคที่เกี่ยวกับจิตใจหลายโรคจนน่าวิตก ตามการเสนอข้อมูลบนเวทีสัมมนาเกี่ยวกับการเยียวยาล่าสุดที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี เมื่อวันพุธที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการดำเนินงานเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ “เยียวยายุคเปลี่ยนผ่าน: เสียงกู่จากผู้ปฏิบัติงานเยียวยาชายแดนใต้สู่รัฐบาลใหม่” มี นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และมีภาคีเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ได้แก่ ศูนย์เยียวยาจังหวัด ศูนย์เยียวยาอำเภอ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประธานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบระดับอำเภอ ศูนย์เยียวยาฟื้นฟูสุขภาพจิตประจำโรงพยาบาล และกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
นายต่อพงษ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับคืนสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นส่งเสริมความร่วมมือกับทุกภาคส่วนและกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมบูรณาการการบริหารจัดการให้มีเอกภาพทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม
ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จ.ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสี่อำเภอของ จ.สงขลา พบว่าจนถึงขณะนี้ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2547-2554 มีผู้ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 20,689 ราย เสียชีวิต 4,771 ราย เป็นประชาชนทั่วไป ร้อยละ 87 ทหารร้อยละ 7 ตำรวจร้อยละ 6 ผู้บาดเจ็บ พิการ จำนวน 8,512 คน สตรีผู้สูญเสียผู้นำครอบครัว จำนวน 2,295 คน มีเด็กกำพร้า 5,111 คน ซึ่งส่งผลกระทบถึงบุคคลใกล้ชิดด้วย
ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานดูแลเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด โดยให้ศูนย์สุขภาพจิตที่ 15 จังหวัดปัตตานี เป็นศูนย์กลางประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เฝ้าระวังโรคเครียด-เสี่ยงฆ่าตัวตาย
สำหรับโรคเกี่ยวกับจิตใจที่กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ความไม่สงบมี 5 โรค ได้แก่ 1.โรคซึมเศร้า 2.ภาวะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 3.โรคพีทีเอสดี (Post Traumatic Stress Disorder) หรือโรคเครียดภายหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ 4.โรคเครียดวิตกกังวล และ 5.ภาวะการติดสุราหรือสารเสพติด
“จากการตรวจคัดกรองสุขภาพจิตในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดในรอบ 6 เดือนของปีนี้ พบผู้มีปัญหาผู้มีโรคพีทีเอสดีจำนวน 6 คน หรือร้อยละ 13 ของผู้มีความเสี่ยง ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปกติซึ่งต้องไม่เกินร้อยละ 10 ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน ยังมีอาการฝันร้าย นึกถึงเหตุการณ์ หลีกเลี่ยงที่จะไปที่เกิดเหตุ ขณะนี้จิตแพทย์ นักจิตวิทยา อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน) ได้ติดตามดูแลอาการอย่างใกล้ชิด และประเมินอาการเป็นระยะ” นายต่อพงษ์ ระบุ
ปฐมพยาบาลจิตใจ
นายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในการติดตามดูแลผลกระทบสุขภาพจิตหลังเกิดเหตุการณ์ แบ่งเป็น ระยะที่ 1 เจ้าหน้าที่บุคลากรสาธารณสุขศูนย์เยียวยาฟื้นฟูสุขภาพจิตประจำโรงพยาบาลจะไปเยี่ยมประเมินอาการเพื่อค้นหาผู้ที่เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตและให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจภายใน 72 ชั่วโมงแรกถึง 2 สัปดาห์หลังเกิดเหตุการณ์
ระยะที่ 2 ช่วง 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน จะดูแลประคับประคองด้านจิตวิทยาและการช่วยเหลือต่างๆ
ระยะที่ 3 ช่วง 1–3 เดือน จะติดตามเพื่อประเมินผลกระทบทางด้านสุขภาพจิต หากระดับความเครียดหรือความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตยังไม่ลดลง จะส่งไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและให้การบำบัดรักษาด้วยยารวมทั้งปรับพฤติกรรมความคิดในกรณีที่มีภาวะพีทีเอสดี
“กระบวนการทั้งหมดนี้ดำเนินการอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล โดยใช้บุคลากรประกอบด้วยนักจิตวิทยาพยาบาลศูนย์เยียวยาฟื้นฟูสุขภาพจิต และ อสม. ขณะนี้มีองค์กรสาธารณะที่ไม่หวังผลกำไรและหน่วยงานภาครัฐอื่นมาร่วมดูแลเป็นระบบวันสต็อปเซอร์วิส (จุดเดียวเบ็ดเสร็จ) โดยยึดผู้ได้รับผลกระทบเป็นศูนย์กลางและให้ครอบคลุมที่สุด” รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ชาวบ้านที่บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึมเซาและเศร้าหมองหลังเกิดเหตุร้ายยิงในมัสยิดสูญเสียถึง 10 ศพ (ภาพจากแฟ้มภาพอิศรา)
2 งานสัมมนาเรื่องงานเยียวยาที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน เมื่อวันพุธที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา