กำหนดยุทธศาสตร์ภาษีอากร เพื่อต่อต้านคอร์รัปชั่น
ตามที่จะมีการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติการจัดเก็บภาษีมรดกเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งขาติในวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ประกอบกับการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศไทย โดยเฉพาะท้ายสุดในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอัตราประชากรอัตรารายได้ซึ่งรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมาทราบดี ประเด็นสำคัญที่สภาทนายความขอนำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาและการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนในส่วนที่เกี่ยวกับวิธีการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศที่พัฒนาแล้วกับของประเทศไทยว่าแตกต่างกันอย่างไร ประกอบกับ 1 ใน 11 หัวข้อหลักของวัตถุประสงค์หลักของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็คือการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่ถือว่าสำคัญที่สุดนโยบาย 11 ประการ สภาทนายความจึงเห็นสมควรที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้เพื่อประกอบการพิจารณาของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.หน้าที่การเสียภาษีอากรนั้นถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญของทุกประเทศรวมถึงของประเทศไทย อันเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่มีรายได้ถึงและพึงต้องเสียภาษี แต่กลไกการจัดเก็บการเสียภาษียังไม่ได้ผลสมบูรณ์หรือเพิ่มขึ้นในอัตราที่เหมาะสมก็เพราะมีการหลีกเลี่ยงภาษีกันมาก ในหลายประเทศจึงมีกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายภาษีอากรให้รวมไปถึงการมีหน้าที่แสดงและชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ด้วย ซึ่งในประเด็นข้อนี้ประเทศไทยยังไม่ได้มีการบังคับการใช้กฎหมายภาษีอากรโดยเฉพาะเรื่องภาษีเงินได้ให้เป็นไปตามรูปแบบของประเทศที่พัฒนาชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ และหลายประเทศในทวีปยุโรป และประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างการปราบปรามคอร์รัปชั่นคือประเทศเกาหลีใต้ก็ได้นำวิธีการนี้มาใช้และได้ผลสำเร็จอย่างดี
2.เมื่อดูรายชื่อของคนไทยที่อยู่ในบัญชีความร่ำรวยของนิตยสารชื่อดังต่างประเทศก็จะมีมหาเศรษฐีของไทยจำนวนไม่น้อยที่ติดอยู่ในอันดับ 500 คนแรกของโลก ที่แตกต่างกันก็คือของประเทศไทยเราไม่ได้บอกจำนวนภาษีอากรที่เสียในแต่ละปีของบุคคลเหล่านั้นโดยถือว่าเป็นความลับ นี่คือประเด็นของปัญหาเช่นเดียวกันมีนักธุรกิจที่เข้ามาเป็นนักการเมือง แม้จะรู้กันว่านักการเมืองบางรายที่ร่ำรวยผิดปกติก็ได้แต่แสดงตัวเลขของความร่ำรวยนั้นแต่ไม่มีการกระทำต่อเนื่องกับการที่ได้แสดงจำนวนทรัพย์สินไว้ต่อสาธารณชน เว้นแต่เป็นกรณีที่ถูกตรวจได้ว่าทุจริตถึงจะมีการสืบสาวหาต้นตอของแหล่งเงิน ดังนั้นหากประเทศไทยจะเพิ่มเติมบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเพื่อความชัดเจนและไม่ต้องมาโต้แย้งกันในภายหลังเมื่อไปออกกฎหมายระดับรองในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้ว่าหน้าที่การพิสูจน์หรือชี้แจงแหล่งที่มาของเงินได้นั้นเป็นของใคร ประเทศไทยควรจะมีรัฐธรรมนูญที่ระบุเรื่องหน้าที่การเสียภาษีเป็นของประชาชน และรวมตลอดถึงชี้แจงแหล่งที่มามาของเงินได้ไว้ด้วย ทำให้มีความชัดเจนต่อการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการเสียภาษีเงินได้กับบุคคลทุกผู้ทุกนามไม่เลือกชั้นยศฐาบรรดาศักดิ์ความร่ำรวย ทำให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม
3.แม้จะมีข้อมูลว่ามีหลายประเทศที่ยกเลิกการเสียภาษีมรดกแล้ว แต่ความจริงเป็นเพราะประเทศเหล่านั้นได้ดำเนินการจัดเก็บภาษีเงินได้ครบถ้วนตามหลักการข้อ 2. ข้างต้นแล้ว แต่สำหรับประเทศไทยหากจะถามว่ากองมรดกทั้งหลายที่มีอยู่ทั่วประเทศในขณะนี้ผ่านการเสียภาษีมาถูกต้องหรือไม่เจ้าของกองมรดกนั้นต้องทราบ นี่คือปัญหาของการจัดหาเงินและทรัพย์สินเข้ากองทุนเข้ากองมรดกของครอบครัวที่สืบสานกันมา 3–4 ชั่วอายุคนที่ผ่านมา และยังเป็นอย่างนั้นอยู่จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นความเหมาะสมในการออกพระราชบัญญัติภาษีมรดกที่กระทบกระเทือนถึงคนเพียงไม่น่าจะเกิน 100,000 คน จากสถิติของผู้ที่มีเงินฝากเกินกว่า 5 ล้านบาท และรวมทรัพย์สินอื่นๆ ที่มีมูลค่าเกินกว่า 50 ล้านบาท คงมีจำนวนเพียงเท่านี้ และนี่คือจุดต่างระหว่างความร่ำรวยกับความยากจนของประชาชน 65 ล้านคนนั้น สภาทนายความจึงเห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีมรดก ส่วนรายละเอียดวิธีการจัดเก็บแบบอัตราเดียวหรืออัตราขั้นบันไดก็เป็นดุลยพินิจของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
4.นอกจากที่มีความพยายามจะจัดเก็บภาษีให้ได้มากขึ้นของฝ่ายจัดการเก็บภาษีคือกรมสรรพากร ก็จะเห็นได้ว่าในบางครั้งบทบาทของนักการเมือง นักธุรกิจ และที่ปรึกษาก็พยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีโดยอ้างการวางแผนภาษีที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นผลทำให้หลักการการวางแผนภาษีจริงๆ นั้นเปลี่ยนไป เพราะกลไกที่ปรึกษากฎหมายนำไปแนะนำเป็น Tax Evasion ไม่ใช่ Tax Minimization ที่มีการเรียนการสอนกัน แต่โดยปกติผู้ที่สอนวิชาการวางแผนภาษีก็จะต้องสร้างจริยธรรมให้กับนักศึกษาในสาขานี้ จะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก ต้องไม่เป็นเหยื่อของนักการเมืองนักธุรกิจที่หลบคิดจะเลี่ยงภาษี
5. สภาทนายความเห็นว่า เรื่องหน้าที่การเสียภาษีและการแจ้งแหล่งที่มาของเงินได้ของผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรทุกคน หากได้มีการบังคับใช้มาตรการทางภาษีในการให้ชี้แจงแหลงที่มาของเงินได้จะเป็นมาตรการที่สำคัญในการทำให้ประเทศไทยผ่านวังวนของการทุจริต เพราะถ้าหากชี้แจงไม่ได้ ทรัพย์ทั้งหมดที่ชี้แจงไม่ได้ถึงแหล่งที่มาก็ต้องถูกนำมาเสียภาษีจนครบ นักการเมืองที่จะเข้ามามีบทบาทในการอาสาประชาชนเข้ามาทำหน้าที่รับใช้บ้านเกิดเมืองนอนบริหารประเทศให้มีความก้าวหน้าต้องมีความโปร่งใสและพร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ ซึ่งไม่ใช่แต่แจ้งเฉพาะจำนวนเงินและทรัพย์สินเท่านั้น แต่ต้องกล้าที่จะบอกถึงแหล่งที่มาของทรัพย์สินของตนเองที่สามารถเปรียบเทียบกับการเสียภาษีของตนด้วย และถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่ควรอาสาเข้ามาเป็นนักการเมือง กรณีเช่นนี้ควรกำหนดไว้เป็นลักษณะเบื้องต้นของผู้ที่จะสมัครเข้ารับเลือกตั้งมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งผู้บริหารไว้ให้ครบถ้วนว่า อย่างน้อยทุกคนที่เข้ามาเป็นนักการเมืองอาชีพต้องสามารถที่จะแสดงแหล่งที่มาของเงินได้และจำนวนทรัพย์สินที่มีอยู่ และภาษีที่ได้เสียในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก่อนลงสมัครรับเลือกตั้งหรือรับการสรรหาการเป็นสมาชิกแล้วแต่กรณี.
ขอบคุณภาพประกอบจาก bkknewtrend.blogspot.com