คณาจารย์ขอพบรมว.ศึกษาชงล้มกรอบ'กกอ.และสกอ.'
คณาจารย์ทั่วประเทศลงชื่อกว่า 600 คน.ให้ยกเลิกแนวทาง'กกอ.และสกอ.'ที่ใช้'กรอบมาตรฐานการศึกษาระดับอุดมศึกษา'และขอเข้าพบ'วรวัจน์'เย็นวันนี้
คณาจารย์ทั่วประเทศลงชื่อกว่า 600 คนเสนอให้ ฐมนตรีสั่งการให้ กกอ.และสกอ.ยกเลิกการใช้กรอบมาตรฐานฯ กลุ่มเดียวกันกับที่รณรงค์ต่อต้าน "กรอบมาตรฐานการศึกษาระดับอุดมศึกษา" (TQF) อันประกอบไปด้วยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ จะเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 9 กันยายน 2554 (วันศุกร์นี้) เวลา 16.30 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้รัฐมนตรีสั่งการให้ กกอ.และสกอ.ยกเลิกการใช้กรอบมาตรฐานฯ เนื่องจากเป็นการขัดกับการสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการและคุกคามเสรีภาพทางวิชาการของมหาวิทยาลัย
ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล ในนามของตัวแทนคณะผู้แทนคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ระบุว่า วันนี้(9ก.ย.) เวลา 16.30 น.ทางคณะผู้แทน มีความประสงค์ขอเข้าพบนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเรียนชี้แจงเกี่ยวกับ ปัญหาการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย และปัญหาจากการประกาศใช้กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา พ.ศ. 2552 โดยคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เพราะเห็นว่าจะนำมาซึ่งความล้าหลังในการจัดการอุดมศึกษาของไทย และก้าวไม่ทันกับการจัดการศึกษาแบบบูรณาการเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในพ.ศ. 2558 นี้
และหากกระทรวงศึกษาธิการ จะมีบัญชาให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาแห่งชาติ (สกอ.) และประธาน กกอ. เข้าร่วมหารือด้วย ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ดร.กฤตยา ยังระบุว่าการขอเข้าพบครั้งนี้สืบเนื่องจากผลการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง “ความเป็นเลิศของอุดมศึกษาไทยกับการแข่งขันการจัดอันดับมหาวิทยาลัยตามเกณฑ์มาตรฐานนานาชาติ: สิทธิ อำนาจ และความรับผิดชอบต่อสังคม” เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2554 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น จัดโดย คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาสังคมวิทยา และ มหาวิทยาลัยมหิดล (สถาบันวิจัยประชากรและสังคม และโครงการจัดตัง้สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา) ร่วมกับ สมาคมปรัชญาและศาสนาแห่งประเทศไทย และสมาคมนักสังคมวิทยาและนักมานุษยวิทยาสยาม โดยที่ประชุมมีมติให้จัดทำข้อเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และลงนามโดยคณาจารย์ทั่วประเทศ (จนถึงวันนีมี้ผู้ลงนามแล้ว 658 คน และยังมีผู้ทยอยส่งชื่อมาอีกเรื่อยๆ)
ข้อห่วงใยของคณาจารย์ทั่วประเทศต่อแนวทางการพัฒนาและปฏิรูปอุดมศึกษาไทย
1. บั่นทอนเจตจำนงค์และความรับผิดชอบต่อสังคมของอุดมศึกษา
การที่สกอ.มุ่งสร้าง ยิ่งเป้าหมายของอุดมศึกษาที่พึงมีต่อท้องถิ่นที่ตนตั้งอยู่เกณฑ์ดังกล่าว ไม่เพียงแต่เป็นเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสม มหาวิทยาลัยไทย ไปสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการยึดเอาระบบการจัดอันดับ (ranking) ขององค์กรธุรกิจบางแห่ง อาทิ Time Higher Education-QS เป็นเกณฑ์มาตรฐานเพียงอย่างเดียว เป็นแนวทางที่เป็นปัญหาอย่างยิ่ง
เพราะระบบการจัดอันดับดังกล่าว เป็นระบบที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในวงการอุดมศึกษานานาชาติ ถึงความน่าเชื่อถือทางวิชาการ ความอคติทางเชื้อชาติ และภาษา ตลอดจนความเป็นมาตรฐานเชิงเดี่ยวภายในโลก ที่เน้นแต่เพียงภาษาอังกฤษเป็นสำคัญ โดยที่ให้ความสำคัญกับหลักเกณฑ์เชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว หากแต่ขาดความใส่ใจต่อความสำคัญเชิงคุณภาพความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนลักษณะที่แตกต่างกันในเชิงบทบาทและพันธกิจที่แตกต่างกันของมหาวิทยาลัย และสาขาวิชาการ โดยเฉพาะอย่างหากแต่ยังก่อให้เกิดการเบียดขับมหาวิทยาลัย และงาน
วิชาการในสายอื่น ๆ ที่ทรงคุณค่าหากแต่ไม่อาจแข่งขันได้ในเชิงปริมาณออกไปอีกด้วย
2. คุกคามเสรีภาพทางวิชาการ การรวมศูนย์อำนาจและการทำลายธรรมาภิบาลของ
อุดมศึกษา การบังคับใช้ระบบประกันคุณภาพ ตลอดจนตัวชีวั้ด (KPI) จำนวนมากของสกอ. ไม่เพียงแต่ซำ้
ซัอนกับระบบประกันคุณภาพที่มีอยู่แล้วของสมศ. แต่ยังคุกคามเสรีภาพทางวิชาการของอุดมศึกษาและ
คณาจารย์ ด้วยการบังคับใช้กรอบคิดแบบมาตรฐานเดียวกับทุกๆศาสตร์และสาขาวิชาการ
3. ทำลายคุณภาพวิชาการด้วยระบบการประกันคุณภาพอันด้อยประสิทธิภาพ กรอบมาตรฐานคุณวุฒิอุดมศึกษา (มคอ.) ที่พัฒนาโดยสกอ.และบังคับใช้กับมหาวิทยาลัยและคณาจารย์ทั่วประเทศนั้น เป็นกรอบที่ด้อยคุณภาพ และคับแคบในทางแนวคิด ไม่มีส่วนใดที่เกี่ยวข้องหรือช่วยในการยกระดับคุณภาพของการเรียนการสอน แต่กลับเพิ่มภาระงานกรอกเอกสารจำนวนมหาศาลให้กับคณาจารย์ สกอ.มักอ้างถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กรอบมาตรฐานคุณวุฒิฯ เพื่อควบคุมกำกับมหาวิทยาลัยก่อตัง้ใหม่ ให้มีคุณภาพที่ได้มาตรฐาน แต่การบังคับกรอกเอกสารจำนวนมาก ย่อมมิใช่แนวทางการควบคุมกำกับเชิงคุณภาพ
ข้อเสนอของคณาจารย์
1. ทิศทางการพัฒนาอุดมศึกษาต้องเน้นเป้าหมายเชิงคุณภาพและการรับใช้สังคม เพื่อให้การปฏิรูปอุดมศึกษา นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างแท้จริง ขอให้สกอ.ทบทวนแนวทางการผลักดันมหาวิทยาลัยที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ ด้วยมาตรฐานเชิงเดี่ยวของการจัดอันดับ และการยึดหลักเกณฑ์การประกันคุณภาพเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว โดยสกอ.ควรหันมาพัฒนาแนวทางความเป็นเลิศของอุดมศึกษาที่วางอยู่บนหลักการที่เคารพต่อความหลากหลายทางวิชาการ และความแตกต่างของมหาวิทยาลัย บูรณาการแนวทางเชิงคุณภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งการพิจารณาความเป็นเลิศ ให้ความสำคัญต่อการตอบสนองและรับผิดชอบต่อสังคม และตอบปัญหาต่อท้องถิ่นที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ อันเป็นพันธะกิจสำ คัญที่สถาบันอุดมศึกษาควรให้ความสำคัญนอกเหนือไปจากมุ่งแข่งขันไปสู่ World Class Universities
2. การปฏิรูปอุดมศึกษาต้องวางอยู่บนหลักการของการเคารพเสรีภาพทางวิชาการ แนวทางการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย ควรเปลี่ยนจากระบบการรวมศูนย์อำนาจที่เน้นการควบคุมบังคับ มาสู่การสนับสนุนและส่งเสริม ให้สถาบันอุดมศึกษา ตลอดจนสมาคมวิชาการต่างๆ ได้มีอิสระ และเสรีภาพ ตลอดจนมีส่วนในการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับคุณภาพทางวิชาการของ
3.ขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 เนื่องจากซำ้ซ้อนกับระบบการประกันคุณภาพการเรียนการสอนที่มีอยู่แล้วของสมศ. และการประกันคุณภาพภายใน (SAR) ที่ต้องจัดทำอยู่แล้วทุกปี ตลอดจนขัดกับอิสระภาพของมหาวิทยาลัย สกอ.ควรจัดให้มีการประมวลและรวบรวมปัญหาระบบการประกันคุณภาพการเรียนการสอนของอุดมศึกษาไทย เปิดให้การประชุมเพื่อรับฟัง และแลกเปลี่ยนความ
คิดเห็นในเรื่องแนวทางการพัฒนาแนวทางการประกันคุณภาพที่มีความยืดหยุ่น คำนึงถึงความแตกต่างและหลากหลายของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ โดยการมีส่วนร่วมของคณาจารย์ สมาคม วิชาการ และสมาคมวิชาชีพ ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ

