หยุดใช้จดหมาย ผอ.รพ.อุ้มผาง เป็นเครื่องมือทางการเมือง
"..จดหมายดังกล่าวถูกกระจายไปยังสื่อมวลชน การที่มีคนเอาจดหมายมาปล่อยเช่นนี้จึงเป็นเพียงการหาประโยชน์จากเจตนาบริสุทธิ์จากแพทย์ดีๆคนหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องเท่านั้นดังนั้น ขอเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าว หยุดใช้จดหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกระพือสร้างกระแสเพื่อทำสงครามจิตวิทยา.."

ปัญหาความทุกข์ยากในการบริหารโรงพยาบาลอุ้มผางให้บรรลุภารกิจในการดูแลประชากรที่มารับบริการในโรงพยาบาล ซึ่งมีทั้งคนไทยที่มีบัตรทอง กลุ่มคนไร้รัฐที่มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ ผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีคนกลุ่มใหญ่ที่มารับบริการโดยที่ไม่มีความสามารถในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล อันได้แก่ กลุ่มคนไร้รัฐที่มีถิ่นฐานอาศัยในเขตประเทศไทย
แต่ไม่ได้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ และกลุ่มคนจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามารับบริการที่มีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งที่โรงพยาบาลต้องดูแลด้วยมนุษยธรรม ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดภาระหนี้อย่างหนักหน่วงนั้นมีอยู่จริง
การแก้ปัญหาขาดทุนของโรงพยาบาลอุ้มผางและโรงพยาบาลชายแดนจำนวนหนึ่งที่มีลักษณะเดียวกันนี้นั้น เป็นประเด็นที่ต้องการการจัดการเฉพาะกรณี ไม่สามารถใช้วิธีปกติในการดูแลได้ และควรที่จะเป็นโจทย์ร่วมของทั้งกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และมูลนิธิโรงพยาบาลอุ้มผางฯ ซึ่งอาจรวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ
จึงไม่ควรโยนภาระการแก้ปัญหาให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ เป็นแพทย์และผู้อำนวยการที่ดี มีความซื่อตรงและสุภาพ
การที่ นพ.วรวิทย์ เขียนจดหมายดังกล่าวออกมา แสดงถึงความกดดันที่มีจำนวนมาก ทั้งจากภาระหนี้สินภายในโรงพยาบาล และแรงหนุนให้แสดงออกจากภายนอก
จดหมายนี้ นพ.วรวิทย์เขียนให้กับ สสจ.ตากตั้งแต่ปลายเดือน พย. เป็นการสื่อสารภายในเพื่อสะท้อนปัญหาของโรงพยาบาลอุ้มผาง
แต่เหตุใดจึงมีคำร้องขอไปยัง ผอ.รพ.อุ้มผางให้พิมพ์และส่งเป็นอีเมล์ให้ สสจ.อีกครั้งในวันอังคารที่ผ่านมา
และต่อมาก็พบว่า จดหมายดังกล่าวถูกกระจายไปยังสื่อมวลชน การที่มีคนเอาจดหมายมาปล่อยเช่นนี้
จึงเป็นเพียงการหาประโยชน์จากเจตนาบริสุทธิ์จากแพทย์ดีๆคนหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น
ดังนั้น ขอเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าว หยุดใช้จดหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกระพือสร้างกระแสเพื่อทำสงครามจิตวิทยา
ทั้งนี้ ดิฉันในฐานะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลอุ้มผางฯขอเรียกร้องต่อผู้เกี่ยวข้อง ขอให้แยกแยะข้อเท็จจริงกับปัญหาด้านความรู้สึก
สำหรับข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลอุ้มผางมีสถานะเงินบำรุงเข้าขั้นวิกฤตนั้น เป็นผลจากการทับถมปัญหามาอย่างยาวนาน
หาก สปสช.และ สธ.จับมือทำงานร่วมกันอย่างจริงใจร่วมประชุมกับโรงพยาบาลชายแดนหาทางออกร่วมกันและเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมได้มีส่วนร่วม
อาทิ การตั้งกองทุนสุขภาพชายแดน ส่วนหนึ่งจาก สปสช.ที่ควรสนับสนุนงบรายปีเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลชายแดนแบบที่ไม่ต้องร้องขอรายครั้ง, ส่วนหนึ่งจากกระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนงบประมาณด้วยกองทุนหลักประกันสุขภาพผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิที่มักจะมีงบประมาณที่เหลือในช่วงสิ้นปี และขอเสนอให้ทางรัฐบาลเชื้อเชิญองค์กรด้านสังคมและสาธารณสุขในภูมิภาคอาเซียนและระหว่างประเทศมาหารือเพื่อขอความสนับสนุนในกองทุนสุขภาพชายแดนนี้
ขณะเดียวกันทางมูลนิธิโรงพยาบาลอุ้มผางฯก็จะดำเนินโครงการหาทุนสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา ทางมูลนิธิฯทำมาโดยตลอดแต่ยังไม่สามารถครอบคลุมภาวะขาดทุนทั้งหมด
กรรณิการ์ กิจติเวชกุล
กรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลอุ้มผางเพื่อมนุษยธรรม
12 ธ.ค.57
