โฆษกตร.เผยจ่อย้ายลูกน้อง"พงศ์พัฒน์"อีกระลอก
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ทางนายกรัฐมนตรีกำชับให้เร่งรัดดำเนินนำตัวผู้กระทำผิดฐานหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา 112 ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบคดีหมิ่นรวมถึงตรวจสอบตามสื่อโซเชียลมีเดีย โดยได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศ เนื่องจากตรวจสอบแล้วผู้ที่เผยแพร่ข้อความดังกล่าวอยู่ที่ต่างประเทศ 2-3 ราย ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องยากในการติดตามตัวผู้กระทำความผิด ประกอบกับกฎหมายข้อตกลงในประเทศนั้นๆ ไม่ครอบคลุมข้อหานี้ จึงทำได้เพียงการประสานงานร่วมกัน เบื้องต้นทางกระทรวงไอซีที บล๊อคช่องทางต่างๆ ไม่ให้สามารถกระทำผิดได้
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีการปรับแก้กฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลมีอำนาจตรวจค้นโดยไม่ต้องมีหมายจับได้นั้น ขอปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นการให้อำนาจมากจนเกินไป แต่เป็นการเพิ่มกำลังและประสิทธิภาพการทำงานเกี่ยวกับคดีความมั่นคงและการหมิ่นสถาบัน เนื่องจากสันติบาลมีความเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและการข่าว
สำหรับกรณีที่มีผู้ปล่อยข่าวทำให้คนไทยมีความหวาดระแวง และทำให้หุ้นตกอย่างต่อนั้น พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ภายหลังจากตรวจสอบแล้วไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้ที่กระทำผิดในลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2552 แต่มีขบวนการผู้กระทำความผิดตามมาตรา 112
โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับการโยกย้ายข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีผู้สมัครใจจะขอย้ายเองประมาณ 10-20 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายของอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางบางส่วน และบางส่วนสมัครใจ ซึ่งไม่ใช่เป็นการย้ายเพื่อการฟอกตัว หรือไปตำแหน่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นการสับเปลี่ยนทดแทนในตำแหน่ง โดยผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบประวัติได้
สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับสินบนน้ำมันเถื่อน 150 ล้านบาทนั้น พล.ต.ท.ประวุฒิ ยอมรับว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นเรื่องจริง และจากการถอดรหัสจากบัญชีรายชื่อรับส่วยตรงกับคำให้การรับสารภาพของผู้ต้องหา รวมทั้งจำนวนเงิน และรายชื่อค่อนข้างตรงกัน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการออกคำสั่งให้ตำรวจอีกจำนวนหนึ่งมาช่วยราชการเพิ่ม แต่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีกี่ราย
ขอบคุณข่าวจาก

