เจ้าพระยาทะลักท่วมชุมชนรังสิต-ปทุมฯ เขื่อนทั่วไทยใกล้เต็มความจุ
น้ำเจ้าพระยาทะลักคันกั้นกระสอบทรายเข้าท่วมชุมชนคลองรังสิตเมืองปทุมธานี ชาวบ้านขนสิ่งของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น กรมชลฯเผยปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศคิดเป็น 81%ของความจุ จับตาสภาพฝนใกล้ชิด
ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปริมาณน้ำทะลักคันกั้นน้ำเข้าคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ทำให้น้ำเข้าเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนใน ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ที่พักอาศัยอยู่ริมถนนซ่อมสร้าง และเอ่อล้นจนท่วมถนนซ่อมสร้าง เส้นทางไปปากเกร็ด ตลอดเส้นทางส่งผลทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาว เนื่องจากปริมาณน้ำเข้าท่วมอย่างรวดเร็วและริมถนนไม่มีกระสอบทรายมากั้นน้ำ ไว้ ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ริมคลองรังสิตฯ จมอยู่ในน้ำหลายหลังเก็บข้าวของไม่ทันเนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่าง รวดเร็วในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ระดับท่วมบ้านเรือน สูงถึง 1-2 เมตร
นอกจากนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำ คืนที่ผ่านมา กระทั่งเช้านี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง ทำให้ล้นคันกั้นน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน วัด โรงเรียน ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้ง 2 ฝากฝั่ง ของ อ.เมือง และ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาล้นคันกั้นแนวกระสอบทราย และแนวคันกั้นดิน เข้าท่วมโรงเรียนวัดบางเดื่อ ต.บางเดื่อ อ.เมือง เข้าท่วมบริเวณชั้นล่างของอาคารเรียน ซึ่งเป็นห้องเรียนของเด็กเล็กชั้นอนุบาลและประถม 1 ครูจึงต้องย้ายนักเรียนขึ้นไปเรียนบนอาคารชั้น 2 เนื่องจากน้ำท่วมสูง 30 – 80 ซม.
ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน ออกรายงานสรุปสถานการณ์น้ำเมื่อวันที่ 12 ก.ย. พบว่า สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาตรน้ำ ทั้งหมด 59,797 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 81% ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมดโดยสามารถ รับน้ำได้อีก 14,320 ล้าน ลบ.ม.
นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลฯ กล่าวว่ากรมต้องจับตาปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ อย่างใกล้ชิดโดยติดตามการประบายน้ำแบบวันต่อวัน เพื่อให้ผ่านวิกฤตน้ำหลากไปให้ได้ เพราะขณะนี้เขื่อนหลายแห่งมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่น เขื่อนภูมิพลมีน้ำไหลเข้าเขื่อนเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 117 ล้านลบ.ม. เพิ่มขึ้นจากวันที่ 11 ก.ย.ที่มีน้ำไหลเข้าอ่าง 102 ล้านลบ.ม. ที่เขื่อนสิริกิติ์ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนลดลงเหลือ 72 ล้านลบ.ม. จากเดิม 91 ล้านลบ.ม.แต่ยังมีปริมาณน้ำในเขื่อนมากถึง 95% ของความจุเขื่อน
ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงวันเดียวน้ำเพิ่มขึ้นถึง 8% โดยน้ำไหลเข้าอ่าง 94 ล้านลบ.ม. จากเดิมที่มีน้ำไหลเข้า 70 ล้านลบ.ม. หากยังมีปริมาณน้ำสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ไปทุกวัน อีกประมาณ 7-10 วัน น้ำก็จะเต็มเขื่อน
“ตอนนี้จึงต้องจับตาตัวแปรที่สำคัญคือ สภาพฝนว่าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในพื้นที่เหนือเขื่อนที่มีปริมาณน้ำมากอยู่แล้ว ซึ่งได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีฝนตกลงมามากกว่านี้อีกเลย เพราะน้ำในระบบเต็มพิกัดแล้ว” นายวีระ กล่าว
นายวีระ กล่าวว่า จากประมาณฝนที่ตกหนักในช่วง 9-12 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในหลายพื้นที่เพิ่มขึ้นในระดับที่น่าหนักใจ โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและตะวันออก โดยเฉพาะในพื้นที่จ.ลพบุรี ที่ปริมาณน้ำที่อ.โคกเจริญ บ้านหมี่ หนองม่วง ที่มีปริมาณมากกว่า 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจากปริมาณฝนที่ตกหนักในจังหวัดกำแพงเพชร ทำให้ขณะนี้ปริมาณน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท วันนี้เพิ่มขึ้น อยู่ระดับ 3,013 ลบ.ม.ต่อวินาที และนอกจากปริมาณน้ำดังกล่าวแล้วขณะนี้มีน้ำป่าเข้ามา สมทบด้วย ซึ่งกรมชลประทานกำลังติดตามตัวเลขน้ำทั้งหมด ซึ่งหากเกิน 3,500 ลบ.ม. ก็น่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้ลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลลงเหลือ24 ล้าน ลบ.ม. จากที่ระบายวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์ลดการระบายลงเหลือ 58 ล้าน ลบ.ม.จากที่ระบายวันละ 67 ล้าน ลบ.ม. ในขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระบายน้ำอยู่ที่ 17 ล้านลบ.ม. ![]()
