สั่งรฟม.เจรจากทม.ลงทุนส่วนต่อสีเขียว
"ประจิน" สั่ง ประธานบอร์ดรฟม.เจรจากทม.รับผิดชอบค่าก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รับมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าได้ให้นโยบายต่อพล.อ.ยอดยุทธ บุญยาธิการ ประธานคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และนายรณชิต แย้มสะอาด รักษาการผู้ว่ารฟม. เจรจากับทางกรุงเทพมหานคร(กทม.) ซึ่งกำกับดูแลสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-ตากสิน โดยมีบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี เป็นผู้รับสัมปทานและบริหารโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อเสนอให้กทม.รับผิดชอบค่าก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 13 กิโลเมตร ทั้งนี้เพี่อจะได้ให้กทม.รับผิดชอบการบริหารโครงการและสามารถเชื่อมต่อทั้ง 2 โครงข่ายให้เป็นระบบเดียวกันได้
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าผู้บริหารบริษัทบีทีเอส.ได้เข้ามาพบและหารือกับตน เพื่อยืนยันความชัดเจนในนโยบายที่จะให้กทม.เข้ามารับผิดชอบ ส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งบีทีเอส.ได้ให้ความชัดเจนว่ามีความพร้อม ที่จะเข้ามาดำเนินการรับผิดชอบส่วนนี้ แต่ตามขั้นตอนต้องรอให้รฟม.เจรจากับทาง กทม.และสรุปรายงานกลับอีกครั้ง
สำหรับการบริหารเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.4 กิโลเมตร นั้นขอให้เริ่มต้นในส่วนของงานก่อสร้างก่อน ส่วนการบริหารการเดินรถนั้น จะมาหารือกับอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะให้เอกชนรายใดเข้ามาดำเนินการ
โยนกทม.ลงทุนส่วนต่อสายเขียว
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการสายปฏิบัติการของ บีทีเอส กล่าวว่าหากรฟม. สามารถเจรจาตกลงให้กทม.เข้ามารับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานก่อสร้าง ในส่วนต่อขยายสาย สีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ บีทีเอส.ก็มีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารทำให้การเปิดเดินรถที่จะเชื่อมต่อจากแบริ่งไปสมุทรปราการการได้ภายไน 1 ปี ที่ผ่านมา บีทีเอส.ได้เตรียมความพร้อมต่างๆไว้แล้ว ส่วนข้อตกลงค่าก่อสร้างเป็นเรื่องที่กทม.จะต้องตกลงกับรฟม.โดยที่กทม.อาจใช้วิธีการออกบอนด์ เพื่อนำมาจ่ายค่าก่อสร้างให้กับรฟม.ได้
“ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเจรจากับทาง รฟม.พร้อมกับ กทม.แล้วรวม 2 ครั้ง การเจรจาทุกอย่างเป็นไปด้วยดีขั้นตอนขณะนี้อยู่ที่ รฟม.อาจต้องดำเนินการปรับแก้ไขมติบอร์ด รฟม.ที่จะให้ กทม.เข้ามารับผิดชอบดูแลในส่วนต่อขยายดังกล่าวคาดว่าภายในเดือนม.ค.2558 น่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนได้ “ นายสุรพงษ์กล่าว
"ยอดยุทธ"ไม่ชี้ขาดบริษัทบริการเดินรถ
ด้านพล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ด รฟม.กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 13กิโลเมตร ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นบริษัทใดที่จะมาเป็น ผู้ให้บริการเดินรถ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับ บีทีเอสซี เกี่ยวกับรายละเอียดจุดเชื่อมต่อ และการให้บริการเดินรถ ต้องมีความพร้อมให้บริการ และสามารถเชื่อมต่อในการเดินทาง ให้เกิดความสะดวกสบายของประชาชน
“ รฟม.เจรจากับกทม.และบีทีเอส เรื่องความต่อเนื่องของโครงข่ายที่จะเชื่อมต่อกัน ปรากฏว่ามีการเจรจามาหลายรอบแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งรฟม.พยายามจะเร่งรัดเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าหากงานก่อสร้างแล้วเสร็จยังหาผู้ให้บริการเดินรถไม่ได้ จะทำให้ รฟม. ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ และอาจทำให้การเปิดให้บริการล่าช้าได้”พล.อ.ยอดยุทธ กล่าว
จี้รฟม.ชี้ขาดเดินรถส่วนต่อสีน้ำเงิน
พล.อ.ยอดยุทธ กล่าวว่าในส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระนั้นขณะนี้ได้ให้นายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าการรฟม. รักษาการผู้ว่าฯ รฟม. ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ2535 เร่งดำเนินการหาข้อสรุปโดยเร็วว่าจะให้บริษัทเอกชนรายใดเป็นผู้ให้บริการเดินรถเช่นกัน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางชื่อ-บางใหญ่ นั้นจะเร่งรัดให้เปิดให้บริการได้ทันวันที่12 ส.ค. 2559 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่จะเปิดให้บริการปลายปี 2559
ส่วนการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ภายหลังจากเปิดซองประกวดราคาแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องในรายละเอียดราคาการประมูลของบริษัทที่เสนอราคาประมูลต่ำสุด โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดใช้บริการได้ทั้งระบบในปี 2559 ส่วนสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรงและสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ต้องเร่งดำเนินการให้สามารถเริ่มการก่อสร้างได้ตามกำหนดแผนคาดว่าในปี2558 จะได้รับการอนุมัติแผนงานจาก ครม. แล้วสามารถดำเนินตามแผนต่อไปได้
7ผู้สมัครแข่งชิงเก้าอี้ผู้ว่ารฟม.
นอกจากนี้ พล.อ.ยอดยุทธ กล่าวถึงเรื่องการสรรหาผู้ว่ารฟม. คนใหม่ว่า ได้เร่งรัดให้มีการสรรหาผู้ว่ารฟม. โดยเร็ว ปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครแล้ว 7 คน เป็นพนักงานของรฟม. 2 คน และบุคคลภายนอก 5 คน โดยสัปดาห์หน้าจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติ หลังจากนั้นจะนัดสัมภาษณ์ แสดงวิสัยทัศน์ แล้วประเมินความเหมาะสมให้ได้ตามหลักเกณฑ์ที่รฟม.กำหนด และการคัดเลือกต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสเป็นธรรม เพื่อให้ได้คนที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาบริหารงาน
ทั้งนี้กรณีที่ให้ผู้สมัครต้องไม่ดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการผู้ว่าการ รฟม.นั้น ไม่ต้องการให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับผู้สมัครรายอื่น การกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวเป็นไปตามถูกต้องตามกฎหมายและจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของรฟม.แน่นอน
“ที่ผ่านมามีรักษาการไปลงแข่ง แต่ผู้ที่ไม่ได้เป็นรักษาการได้รับตำแหน่ง แล้วรักษาการใช้อำนาจรักษาการไป แต่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ทำให้คนที่ได้รับตำแหน่งต้องชะลอการรับตำแหน่งออกไป ทำให้เกิดปัญหาขึ้น กรรมการผู้สรรหาเข้าก็ทำด้วยความสุจริตใจไม่ได้ไปกีดกันใคร”พล.อ.ยอดยุทธ กล่าว
ห้ามรักษาการลงชิงตำแหน่ง
แหล่งข่าวจากรฟม. กล่าวว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครเป็นผู้ว่ารฟม.ว่าจะต้อง ไม่เป็นรักษาการผู้ว่ารฟม.แต่อย่างใด และผู้ที่รักษาการผู้ว่ารฟม.ก็คงไม่สามารถลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะม.27 ตามพ.ร.บ.จัดตั้งรฟม.กำหนดว่า เมื่อผู้ว่ารฟม.ตายหรือลาออก ให้รองผู้ว่าการที่มีอาวุโสสูงสุดรักษาการแทน ฉะนั้นหากรักษาการผู้ว่ารฟม.ลาออกเพื่อลงสมัครจริง หากเกิดเหตุที่ทำให้รฟม.เสียหาย กฎหมายดังกล่าวจะต้องเอาผิดรักษาการที่มีอาวุโสสูงสุดแน่นอน ทำให้นายรณชิต รักษาการผู้ว่ารฟม.ไม่ลาออก