13 เครือข่ายฯ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เร่งพิจารณากม.เข้าชื่อค้างสภา 9 ฉบับ
เครือข่ายภาคประชาชนยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี จี้ รัฐบาลดึงกฎหมายเข้าชื่อขึ้นมาพิจารณา ขณะที่ "คณิต ณ นคร" ทำบันทึก เสนอความเห็นร่างกฎหมายที่ค้างการพิจารณาของรัฐสภา ย้ำชัดกม.ที่ปชช.เข้าชื่อ 7 ฉบับควรพิจารณาต่อ ชี้ภาษีที่ดิน-สัญชาติ-คุ้มครองแรงงาน และอีก 19 ร่างสำคัญ เบรก 5 ฉบับ ไม่ควรดันต่อ มีกม.คุมม็อบรวมอยู่ด้วย
วันที่ 13 กันยายน เวลา 9.30 น. เครือข่ายภาคประชาชน 13 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายสมานฉันท์แรงงานไทย เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เครือข่ายผู้หญิง เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ ประเทศไทย เครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง เครือข่ายผู้ป่วยจิตเวช ชมรมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน เครือข่ายผู้เสนอกฎหมายป่าชุมชน เครือข่ายประชาชนผู้เสนอกฎหมาย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (I-Law) เดินทางไปยื่นหนังสือต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามความคืบหน้าการพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอจำนวน 9 ฉบับ โดยให้มีการพิจารณาภายใน 60 วันนับแต่วันเปิดประชุมสภาครั้งแรก ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ ไม่เช่นนั้นร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ในรัฐสภาจะเป็นอันตกไป ตามบทบัญญัติมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
จากนั้นเวลาประมาณ 12.00 น. นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีออกมารับหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งนำโดย นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เครือข่ายผู้บริโภค นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย เครือข่ายสมานฉันท์แรงงานไทย และนายอภิวัฒน์ กวางแก้ว เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ ประเทศไทย
ด้าน น.ส.สารี กล่าวถึงกฎหมายทั้ง 9 ฉบับดังกล่าวนับเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อีกทั้งยังเป็นกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อ 10,000 รายชื่อ ซึ่งขณะนี้กฎหมายดังกล่าวค้างการพิจารณาอยู่ในรัฐสภา จึงอยากให้รัฐบาลสนับสนุนร่างกฎหมายของภาคประชาชน
ส่วนคณะรัฐมนตรีจะร้องขอให้มีการพิจารณาทั้ง 9 ฉบับหรือไม่นั้น น.ส.สารี กล่าวว่า จากการพูคุยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งรัฐมนตรีบางราย ก็มีแนวโน้มที่ดีต่อการสนับสนุนกฎหมายภาคประชาชน ดังนั้นในส่วนของรัฐบาลก็น่าจะหยิบกฎหมายจำนวน 9 ฉบับขึ้นมาพิจารณาทั้งหมด
ทั้งนี้ สำหรับร่างกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายทั้ง 9 ฉบับนั้น ประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ…. 2.ร่าง พ.ร.บ. องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคพ.ศ.... 3.ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.... 4.ร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. ...5.ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยวิชาชีพการสาธารณสุข 6.ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล 7.ร่าง พ.ร.บ. บำนาญประชาชน พ.ศ. .... 8.ร่าง พ.ร.บ. กองทุนผู้ประสบภัยจากรถ 9 ร่าง พ.ร.บ. การจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ พ.ศ....
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) นำโดย ศ.คณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ทำหนังสือข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เกี่ยวกับร่างกฎหมายที่ค้างการพิจารณาของรัฐสภา ถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ศ.คณิต กล่าวว่า ตามที่ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2554 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 อันมีผลเป็นการยุบสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 23 ซึ่งตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 บัญญัติว่า กรณีมีการยุบสภาผู้แทนฯ หรือวุฒิสภา จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หรือร่าง พ.ร.บ.ที่รัฐสภายังไม่ได้ให้ความเห็นชอบต่อไปได้ ถ้า ครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งร้องขอทั่วไปภายใน 60 วัน นับแต่วันเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกหลังการเลือกตั้งทั่วไปและรัฐสภามีมติเห็นชอบด้วย
“คปก.ได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการพิจารณาร่างฯ ของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในชั้นต่างๆ พบว่า ยังมีกฎหมายที่ค้างการพิจารณาอยู่ทั้งสิ้น 293 ฉบับ แบ่งเป็น ร่างฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการร่วม 2 ฉบับ ร่างฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวุฒิสภา 6 ฉบับ ร่างฯ ที่คณะกรรมาธิการสภาฯ พิจารณาเสร็จแล้ว 5 ฉบับ ร่างฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสภาฯ 1 ฉบับ ร่างฯ ที่บรรจุระเบียบวาระเพื่อการรอการพิจารณาของสภาฯ 278 ฉบับ และร่างฯ ที่รอการบรรจุระเบียบวาระการประชุมของสภาฯ ในวาระที่หนึ่ง 1 ฉบับ”
ประธาน คปก. กล่าวต่อว่า เพื่อให้การพิจารณาร่างกฎหมายเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์สงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ทาง คปก.จึงมีข้อเสนอว่า มีร่างกฎหมายที่สมควรเห็นชอบให้พิจารณา ดังนี้ ร่างกฎหมายที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมกันเข้าชื่อเพื่อเสนอโดยตรงต่อสภาผู้แทนฯ จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่างพ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค 2.ร่างพ.ร.บ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย 3.ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย 4.ร่างพ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล 5.ร่างพ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุข 6.ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข 7.ร่างพ.ร.บ.ประกันสังคม
“ทั้งนี้ ยังมีร่างกฎหมายที่สำคัญและจำเป็นที่สมควรให้พิจารณาจำนวน 19 ฉบับ เช่น ร่างพ.ร.บ.องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ร่างพ.ร.บ.สัญชาติ ร่างพ.ร.บ.การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองส่วนท้องถิ่น ร่างพ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน และร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นต้น”
ศ.คณิต กล่าวด้วยว่า จากการที่ คปก. ได้จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ภาคประชาสังคม แล้วพบว่า มีร่างกฎหมายที่ไม่ควรเห็นชอบให้พิจารณา จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่างพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2.ร่างพ.ร.บ.ประกันสังคม 3.ร่างพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ 4.ร่างพ.ร.บ.เงินทดแทน 5.ร่างพ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน
เอกสารเพิ่มเติม: http://www.thaireform.in.th/2011-05-24-07-27-47/item/6403--10000-.html
