7 กฎเหล็กคุมเข้มการลงทัณฑ์เด็กสถานพินิจฉบับใหม่ ยุค"ไพบูลย์ คุ้มฉายา"
"..ในการพิจารณาลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน ให้ผู้อำนวยการสถานพินิจคำนึงถึงหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) สวัสดิภาพและอนาคตของเด็กและเยาวชนยิ่งกว่าการลงทัณฑ์ (2) ประโยชน์ในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชน (3) บุคลิกลักษณะ สุขภาพ และภาวะแห่งจิตของเด็กและเยาวชนซึ่งแตกต่างกัน การพิจารณาลงทัณฑ์ต้องให้เหมาะสมกับเด็กหรือเยาวชนและพฤติการณ์เฉพาะเรื่องแม้ว่าเด็กหรือเยาวชนนั้นจะละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัยร่วมกัน.."
เมื่อเร็วๆ นี้ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กฎกระทรวงฉบับใหม่ ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. 2558 โดยอาศัยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 วรรคสอง และมาตรา 41 (3) แห่งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 ให้ไว้ ณ วันที่ 13 มกราคม 2558
โดย พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนาม
จากการตรวจสอบเนื้อหาในกฎกระทรวงฉบับนี้ พบว่า มีการระบุไว้ในข้อ 1 ว่า การลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชนจะกระทำได้ต่อเมื่อได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วปรากฏเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(1) เด็กหรือเยาวชนยอมรับว่าตนละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัย
(2) มีหลักฐานชัดแจ้งว่าเด็กหรือเยาวชนละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัยจริง
โดยให้เด็กหรือเยาวชนได้มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านแล้ว
ข้อ 2 ในการพิจารณาลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน ให้ผู้อำนวยการสถานพินิจคำนึงถึงหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) สวัสดิภาพและอนาคตของเด็กและเยาวชนยิ่งกว่าการลงทัณฑ์
(2) ประโยชน์ในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชน
(3) บุคลิกลักษณะ สุขภาพ และภาวะแห่งจิตของเด็กและเยาวชนซึ่งแตกต่างกัน
การพิจารณาลงทัณฑ์ต้องให้เหมาะสมกับเด็กหรือเยาวชนและพฤติการณ์เฉพาะเรื่องแม้ว่าเด็กหรือเยาวชนนั้นจะละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัยร่วมกัน
ข้อ 3 ในกรณีที่ผู้อำนวยการสถานพินิจได้พิจารณาหลักเกณฑ์ในข้อ 2 แล้วเห็นว่าเด็กหรือเยาวชนคนใดยังไม่สมควรได้รับการลงทัณฑ์ จะสั่งให้ภาคทัณฑ์ไว้ก่อนก็ได้
ขณะที่การภาคทัณฑ์นั้นพึงกระทำเมื่อ
(1) เด็กหรือเยาวชนละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัย ในกรณีไม่ร้ายแรง เช่น ใช้กิริยาวาจาไม่สุภาพ ไม่ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายหรือเครื่องนุ่งห่ม ประพฤติตนไม่เรียบร้อย ไม่สนใจการเรียนหรือการเข้าร่วมกิจกรรม หรือฝ่าฝืนระเบียบห้องเรียน ห้องกิจกรรม หรือหอนอน
(2) เด็กหรือเยาวชนได้สำนึกในความผิดที่ได้กระทำไปแล้ว
ข้อ 4 ในการพิจารณาลงทัณฑ์แก่เด็กหรือเยาวชนซึ่งละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่วหรือกระทำผิดวินัย ในกรณีไม่ร้ายแรงและไม่สำนึกในความผิดตามข้อ 3 (1) และ (2) หรือในกรณีร้ายแรงเช่น จงใจทำร้ายผู้อื่น ลักทรัพย์ หรือทำลายทรัพย์สินของทางราชการหรือของผู้อื่น ลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าในสถานควบคุม บังคับการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กหรือเยาวชนอื่น ก่อความไม่สงบในสถานควบคุมหรือพยายามหลบหนีจากสถานควบคุม เมื่อผลการสอบสวนปรากฏว่าเด็กหรือเยาวชนนั้นกระทำผิด
ผู้อำนวยการสถานพินิจอาจดำเนินการแก่เด็กหรือเยาวชนอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(1) เข้าแผนฟื้นฟูพิเศษเพื่อปรับพฤติกรรม
(2) ตัดสิทธิประโยชน์และความสะดวกที่สถานพินิจอำนวยให้บางประการ
กรณีการลงทัณฑ์ตาม (1) หรือ (2) ไม่สำเร็จตามแผนหรือไม่มีความก้าวหน้า ให้ปรับเปลี่ยนการลงทัณฑ์ให้เหมาะสมกับเด็กหรือเยาวชนรายนั้น
ข้อ 5 การจัดทำแผนฟื้นฟูพิเศษเพื่อปรับพฤติกรรมตามข้อ 4 (1) ต้องได้รับการประเมินสภาพปัญหาจากคณะกรรมการนักวิชาชีพซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยผู้อำนวยการสถานพินิจและเสนอความเห็นเพื่อให้ผู้อำนวยการสถานพินิจพิจารณาเห็นชอบ แผนต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
(1) มีวิธีการและกำหนดระยะเวลาตามแผนที่ชัดเจน
(2) ต้องสอดคล้องกับปัจจัยที่เป็นปัญหาพฤติกรรมในการกระทำความผิด
(3) ไม่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
(4) ไม่ขัดกับพัฒนาการตามวัยของเด็กหรือเยาวชน
(5) ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและความเจ็บป่วย
หากมีความจำเป็นต้องให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนหรือการปรับพฤติกรรมตามแผนให้แจ้งผู้ปกครองเพื่อเข้าร่วมในการดังกล่าว
ข้อ 6 การตัดสิทธิประโยชน์และความสะดวกที่สถานพินิจอำนวยให้บางประการตามข้อ 4 (2) เช่น ดูหนังฟังเพลง ให้ใช้โทรศัพท์ ออกไปร่วมกิจกรรมภายนอก ให้ผู้อำนวยการสถานพินิจหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายพิจารณา โดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) กำหนดสิทธิประโยชน์และระยะเวลาที่ตัดสิทธิประโยชน์ให้ชัดเจน แต่ต้องไม่เกินสองสัปดาห์
(2) ไม่ขัดกับสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่เด็กหรือเยาวชนต้องได้รับบริการจากรัฐ
ข้อ 7 ให้ผู้อำนวยการสถานพินิจหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายแจ้งให้เด็กหรือเยาวชนทราบถึงเหตุผลที่ทำให้ถูกลงทัณฑ์ก่อนที่จะลงทัณฑ์
ทั้งนี้ การออกกฎกระทรวงฉบับนี้ มีการระบุหมายเหตุถึงเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 41 (3) แห่งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 กำหนดให้การลงทัณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔๒ แก่เด็กและเยาวชนที่ละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัยในระหว่างที่อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงจึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
#เชิญชวนติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ด้วยการกด "Like" ที่ แฟนเพจ "I love isranews"