แถลงการณ์ กสม. ยันไม่เห็นด้วย ยุบรวมผู้ตรวจการแผ่นดิน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ ยัน ไม่เห็นด้วย หลังกมธ.ยกร่างฯ ตั้งคณะทำงานศึกษาจะยุบรวมผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากเห็นว่า อาจมีอำนาจหน้าที่ซ้ำซ้อนกัน
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับประเด็นการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมคณะกรรมการสิทธิฯ กับผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า ตามที่โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้แถลงข่าวว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2558 ได้พิจารณาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิฯ โดยมีมติให้ตั้งคณะทำงานศึกษา ข้อดี-ข้อเสีย ในการควบรวมองค์กรคณะกรรมการสิทธิฯ กับผู้ตรวจการแผ่นดินเข้าด้วยกัน เนื่องจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีความเห็นว่า อำนาจหน้าที่ของทั้งสององค์กร มีความซ้ำซ้อนกันอยู่นั้น
คณะกรรมการสิทธิฯ ขอเรียนว่า แนวคิดที่จะพิจารณา เรื่อง การควบรวมคณะกรรมการสิทธิฯ กับผู้ตรวจการแผ่นดินเข้าด้วยกันนั้น อาจสื่อความหมายว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแตกต่างไปจากเดิม เพราะอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีลักษณะที่ชัดเจนและแตกต่างจากองค์กรอื่น เนื่องจากคณะกรรมการสิทธิฯ มีหน้าที่ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการรับรอง หรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ หรือตามกฎหมายไทย หรือดำเนินงานให้เป็นไปตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทย มีพันธะกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม และเป็นไปตามหลักการปารีส (Paris Principle) รวมถึงเสนอแนะนโยบาย ข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับต่อรัฐสภา และคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่าง หน่วยราชการ องค์การเอกชน และองค์การอื่นใดด้านสิทธิมนุษยชน เป็นสำคัญ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าขอบเขตงานของคณะกรรมการสิทธิฯ มุ่งไปที่การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนเป็นที่ตั้ง และมีหน้าที่ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกกรณี ไม่ว่าผู้กระทำละเมิดจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานใด ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนก็ตาม และไม่จำกัดว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานดังกล่าวนั้นจะชอบด้วยกฎหมาย แต่มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ย่อมอยู่ในขอบเขตการทำหน้าที่ของกรรมการสิทธิฯ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่ที่สำคัญในการตรวจสอบการกระทำ หรือละเลยการกระทำ ซึ่งไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และไม่มีองค์กรอื่นตรวจสอบ นอกจากคณะกรรมการสิทธิฯ เท่านั้น โดยเป็นไปตามกลไกของสหประชาชาติ
สำหรับกรณีที่กล่าวถึงความซ้ำซ้อนระหว่างคณะกรรมการสิทธิฯ และผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นเรื่องขั้นตอน วิธีการในการตรวจสอบข้อร้องเรียน ถึงแม้ว่าจะดูเสมือนหนึ่งว่า มีความคล้ายคลึงกันในทางสอบสวนหาข้อเท็จจริง ตามคำร้องเรียน แต่การทำหน้าที่ดังกล่าว มิได้ซ้ำซ้อนกันในเรื่องของอำนาจหน้าที่ตามภารกิจแต่อย่างใด อีกทั้งการทำหน้าที่ขององค์กรทั้งสองในการตรวจสอบนั้น จะก่อให้เกิดผลดี ที่ทุกคำร้องเรียนจะได้รับการตรวจสอบในบริบทและมิติที่แตกต่างกัน ดังนั้น ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาว่า ควรควบรวมสององค์กรดังกล่าวเข้าด้วยกันหรือไม่ ไม่ควรนำวิธีการทำงานของแต่ละองค์กรมาเป็นเหตุผลในการสรุปว่า มีอำนาจหน้าที่ ซ้ำซ้อนกันหรือไม่ เพราะแม้ว่าทั้งสององค์กรจะมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน แต่เป้าหมายในการตรวจสอบ หรือการวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กร มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อีกทั้งย่อมเป็นผลดีต่อสังคมและประชาชน ที่จะพึงได้รับประโยชน์จากการทำหน้าที่ที่แตกต่างกันดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิฯ เป็นหน่วยงานอิสระที่มีโครงสร้างเป็นราชการ มีหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงาน และฐานะองค์กรไม่ขึ้นตรงต่อฝ่ายบริหาร (รัฐบาล) หรือฝ่ายอื่นใดทั้งสิ้น และได้มุ่งเน้นในการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามหลักการสิทธิมนุษยชนสากล ส่วนสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นหน่วยงานอิสระที่มีพนักงานของรัฐ ในการสนับสนุนการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ดังนั้น การบริหารจัดการองค์กรบุคลากร โดยรวมสำนักงานทั้งสองเข้าด้วยกัน อาจมีกรณีที่เป็นปัญหาในการบริหารจัดการ ซึ่งมีลักษณะเป็นองค์กรคนละรูปแบบ
"คณะกรรมการสิทธิฯ ยินดีที่จะส่งผู้แทนไปร่วมเสนอข้อมูลและความเห็นในรายละเอียดเกี่ยวกับ ข้อดีและข้อเสีย ในการควบรวมองค์กรดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสิทธิฯ เห็นด้วยว่า ควรจะได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ และประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ ให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็วอย่างต่อเนื่องและเป็นธรรม เป็นที่คาดหวังและเชื่อมั่นของประชาชน ในการตรวจสอบการใช้อำนาจของหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐได้สมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต่อไป"
ขอบคุณข่าวจาก