เวที "คปก." หวั่นพ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ ละเมิดสิทธิ -เร่งรัดออก กม.เกินไป
คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เปิดเวทีรับฟังความเห็นร่างกม.4 ฉบับ-นักวิชาการถามหามาตรฐาน พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ปมให้ดุลยพินิจ จนท.คุ้มครองข้อมูลมิให้เปิดเผย-หวั่นพ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ ละเมิดสิทธิ ชี้เร่งรัดออก กม.เกินไป
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.58 ที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(คปก.) มีการจัดประชุมรับฟังความเห็น เรื่องการปฏิรูปกฎหมายดิจิทัลและกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นางสาวลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายและประธานคณะทำงานพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับดิจิทัลและกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจปัญหาและเข้าถึงปัญหาต่างๆ เพื่อนำเสนอในการแก้ไขต่อไป
โดยร่างกฎหมายหลัก ที่หารือในครั้งนี้ มีอยู่ 4 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ 2.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 3.ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ 4.พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
นายศิลป์ฟ้า ตันศราวุธ นักกฎหมายสื่อมวลชนอิสระและอาจารย์พิเศษวิชากฎหมายสื่อมวลชน กล่าวว่า พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มีความจำเป็นอันใดที่ประเทศจำเป็นต้องมี เพราะกฎหมายเดิมที่มีอยู่ก็มีมาตรการลงโทษรุนแรงอยู่แล้ว ดังนั้น อะไรคือสถานการณ์ด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์
นายจุลศักดิ์ แก้วกาญจน์ ผู้ช่วยนักวิชาการปฏิรูปกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายกล่าวว่าการเก็บข้อมูลบุคคลเป็นเรื่องใหญ่ เป็นข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ข้อมูลบุคคลและข้อมูลที่ต้องคุ้มครอง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรต้องมีการพูดคุยหารือ
นายคณาธิป ทองรวีวงศ์ คณบดีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น กล่าวว่าในปัจจุบันมีการพยายามที่จะเจาะระบบเว็บไซต์หน่วยงานต่างๆ จึงต้องมีวิธีดูแลขจัดภัยที่จะเกิดขึ้น ภัยเหล่านี้เป็นภัยที่หาตัวตนไม่เจอ หลายครั้งมาจากต่างประเทศโดยหาที่มาไม่ได้ กอปรกับเหตุผลทางเศรษฐกิจ การค้าเสรีและการไหลเวียนของข้อมูล อาจเป็นอุปสรรคทางการค้าหากประเทศไหนไม่มีกฎหมายเหล่านี้ไว้ป้องกัน จึงควรมีกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคหากมีคดีเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งที่่ผ่านมาต้องใช้กฎหมายอื่นที่ไม่ตรงกับปัญหา ขณะที่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายต่างประเทศแล้ว พบว่าการคุ้มครองผู้บริโภคของไทยยังมีไม่พอ
นายคณาธิป ยักล่าวถึงปัญหาประการหนึ่งของพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการว่า ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลภาครัฐโดยเน้นในส่วนข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของรัฐ โดยมีข้อเสนอแนะ มาตรา 15 ที่ระบุตอนหนึ่งว่าการคุ้มของข้อมูลส่วนบุคคลของรัฐ เจ้าหน้าที่จะเปิดเผยหรือไม่ก็ได้ตามดุลยพินิจ ปัจจุบันเรียกข้อมูลส่วนบุคคลไม่ใช่สิทธิส่วนบุคคล ซึ่งข้อยกเว้นมาตรา 15 ที่คุ้มครองมิให้เปิดเผย จึงมีข้อเสนอถึงเรื่องมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูล หลักการคัดแยกข้อมูลรวมทั้งการกำหนดโทษที่ควรชัดเจนและเชื่อมโยงกับพ.ร.บ.ดังกล่าว
ด้าน ดร.สรณันท์ จิวะสุรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักความมั่นคงปลอดภัย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ.กล่าวว่า แม้ในปัจจุบันร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในชั้นกฤษฎีกา และมีการปรับแก้โดยคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเวทีพูดคุยเพื่อรับฟังความเห็นมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้าไปชี้แจงเสนอแนะก่อนจะส่งกลับมายังครม. และเสนอไปที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แต่มีข้อสังเกตว่า กฎหมายชุดนี้ออกมาในระยะเวลาและทรัพยากรที่มีจำกัด
นางสาวศยามล ไกรยูรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวสรุปผลการประชุมหารือว่าความเห็นจากตัวแทนภาคเอกชนและประชาชนคิดว่าไม่ปลอดภัย และไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรัดออกกฎหมายเหล่านี้ เนื่องจากเรื่องเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการปรึกษาหารืออย่างละเอียดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
นางสาวศยามล กล่าวด้วยว่าจากนี้หากประชาชนจะกรอกข้อมูลแบบฟอร์มอะไรก็ตาม อยากให้สังเกตุก่อนว่ามีการบอกไว้หรือไม่ว่าจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ต่อหรือไม่ ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะต่างๆทาง คปก. จะนำเข้าสู่ที่ประชุมในครั้งต่อไปเพื่อทำการพิจารณาถึงแนวทางในการปฏิรูปกฎหมายดังกล่าว
*หมายเหตุ : บุคคลในภาพจากซ้าย นางสาวลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์,นายศิลป์ฟ้า ตันศราวุธ,นายคณาธิป ทองรวีวงศ์
ภาพประกอบจาก : www.google.co.th,http://thaiprivacylaw.blogspot.com/