ยุทธศักดิ์คุยเตียบันนอกรอบ
“ยุทธศักดิ์” ลัดฟ้าพบ “เตีย บันห์” คุยนอกรอบก่อนถกจีบีซี รอ ครม.อนุมัติกรอบประชุม ปัดวิจารณ์เด้งทูตประสานจีบีซี ฟุ้ง บรรยากาศ 2 ประเทศดีมาก
วันนี้ ( 23 ก.ย.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปหารือนอกกรอบ ก่อนการประชุมจีบีซี ที่ประเทศกัมพูชาว่า เป็นการเดินทางไปตามคำเชิญของ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งได้เชิญมา 2 ครั้งแล้ว ทั้งนี้เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์และความรักใคร่สามัคคี รวมทั้งความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยจะหารือเกี่ยวกับการเตรียมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ซึ่งจะแจ้งให้กัมพูชาทราบว่า การที่ประเทศไทยประชุมจีบีซีช้า เพราะมีข้อกฎหมายที่จะต้องนำวาระและเนื้อหาที่จะเข้าประชุมจีบีซีได้เข้าสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก่อน และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหากมีเรื่องที่เกี่ยวกับสัญญาหรือต้องเข้ากระบวนการรัฐสภาต้องผ่านรัฐสภาก่อน
ทั้งนี้ยืนยันว่าทันทีที่ทุกเรื่องพร้อมและผ่านขั้นตอนทุกอย่างแล้ว เราพร้อมร่วมประชุมกับกัมพูชาทันที ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้พร้อมประชุมอยู่แล้ว รอแต่ฝ่ายไทย และต้องการให้ประชุมเสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งตนคิดว่าก่อนปลายเดือน พ.ย.จะสามารถจัดการประชุมได้ เมื่อถามว่าได้มีการเตรียมความพร้อมของข้อมูลเพื่อเสนอต่อสภาความมั่นคง (สมช.) แล้วหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมได้มอบให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้เสนอให้ สมช.ทราบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ส่งให้ สมช.ทราบ และเมื่อเข้า สมช.แล้วทางกลาโหม จะขอให้ สมช.เร่งรัดในการเรียกประชุมในกรอบของการหารือกับกัมพูชาต่อไป
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าได้มีการเปลี่ยนตัวนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะทีมกฎหมายของเจบีซี พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังเป็นเพียงกระแสข่าวอยู่ ตนยังไม่ขอพูดว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน เมื่อถามย้ำว่าหากมีการเปลี่ยนตัวจริงจะส่งผลกระทบต่อการประสานงานหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ต้องแล้วแต่ความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ตนขอให้เป็นความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้เรื่องยังไม่เกิดขึ้นอย่าเพิ่งพูดก่อน เพราะจะกลายเป็นการวิจารณ์ ขอให้เรื่องเกิดขึ้นก่อนแล้วตนจะเรียนให้ทราบว่าผลกระทบ หรือผลดีของการปรับย้ายนั้นจะเป็นอย่างไรต่อกระทรวงกลาโหมบ้างในอนาคต แต่ตอนนี้ขอเว้นไว้ก่อน
เมื่อถามว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงกลาโหม มีข้อมูลเพียงพอที่จะใช้ต่อสู้ในศาลโลกหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทุกหน่วยงานของกระทรวงกลาโหมความพร้อมในเรื่องข้อมูลอยู่แล้ว ทันทีที่เรื่องเข้าสู่ สมช.เราจะให้ข้อมูลทั้งหมด เมื่อถามว่าด้วยบรรยากาศที่ดีระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศจะส่งผลต่องานด้านความมั่นคงโดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างไรบ้าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเน้นเสียงหนักว่า "บรรยากาศขณะนี้กำลังดีมาก" พร้อมกล่าวต่อว่า เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีความต้องการให้เกิดสันติภาพและเกิดความร่มเย็นเป็นสุขกับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งเราจะให้การสนับสนุนทุกเรื่องเพื่อให้ประชาชนสามารถไปมาหาสู่กัน รวมทั้งจะสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ อะไรที่จะให้ความสะดวกได้เราก็จะให้ความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ที่ดีเป็นพิเศษอาจถูกมองว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีเรื่องผลประโยชน์แอบแฝง ทหารไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆทั้งสิ้น แต่จะสนับสนุนและดำเนินการให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและให้เกิดแนวทางที่จะทำให้ประเทศชาติมีผลประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อถามว่าปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทั้งทางบกและทางทะเลจะสามารถหาข้อยุติได้เมื่อใด พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อประชุมจีบีซีแล้ว การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ทับซ้อนก็ทราบ โดยเราจะยังไม่พูดถึงประเด็นนี้ แต่จะบอกว่าในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเราไปคุยรายละเอียดในจีบีซี ส่วนประเด็นปลีกย่อยจะให้ฝ่ายเลขาฯได้พบปะพูดคุยกันเองก่อนที่จะประชุมจีบีซีต่อไป
วันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชา เวลา 09.00 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.วิทวัส รตชะนันทน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.เตีย บัน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงกลาโหม อย่างเป็นทางการ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที หลังจากนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ได้เดินทางมาประเทศกัมพูชาเป็นประเทศแรก เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งรู้สึกสบายใจที่ทั้งสองประเทศร่วมเดินไปด้วยกันเพื่อให้เกิดประโยชน์
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวด้วยว่า พร้อมกันนี้จะร่วมหารือกันถึงการประชุม จีบีซี ที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งประเทศไทยพร้อมที่จะประชุม จีบีซี เพราะถือว่าเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ และเป็นที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เราพร้อมที่จะประชุม จีบีซี เพราะมีเรื่องที่ให้มีความสนใจมาก จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามศาลโลก เพื่อรายงานให้ได้รับทราบในเดือน พ.ย.นี้ หลายเรื่องที่ประชุม จีบีซี จะต้องผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และหลายเรื่องอาจจะทำให้เกิดความล่าช้า หลังจากนี้ไปเราจะได้วางวาระการประชุม จีบีซี ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ถ้าผ่าน ครม. เราก็จะเริ่มประชุมกันทันที เพราะถือว่าผลการประชุมเป็นที่น่าสนใจของทั้งสองประเทศ ประชาชนคอยความสุข และความหวังหลังจากการประชุม
“ความล่าช้าของการประชุม จีบีซี เนื่องจากมีปัญหาทางกฎหมายของประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องที่จะเข้าประชุม จีบีซี จะต้องผ่าน สมช. และ มติ ครม. โดยเฉพาะบางเรื่องจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้นำเรื่องต่าง ๆ ที่หารือกับกัมพูชาเข้าการประชุม ครม. ฉะนั้นรัฐบาลชุดนี้จะต้องนำเข้าสู่การประชุม ครม. ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมพร้อมที่จะจัดให้มีการประชุม จีบีซี ทันที เพื่อให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศดีขึ้น ทั้งนี้ยืนยันจะดำเนินการตามคำสั่งของศาลโลกทุกอย่าง” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ระบุ
ขณะที่ พล.อ.เตีย บัน กล่าวว่า ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่แสดงออกให้เห็นถึงสิ่งดี ๆ และจะได้มาพูดคุยกันถึงปัญหาใหม่ ๆ และร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อให้สื่อนำไปเสนอในสิ่งที่ดี ๆ ภารกิจที่เราจะร่วมมือกันหลังจากที่นายกรัฐมนตรีสองประเทศได้หารือกัน ตนพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า และพัฒนาประเทศไปด้วยกัน ส่วนการประชุม อาร์บีซี และการประชุมแม่ทัพภาคที่ 5 กับทหารไทยถือเป็นสิ่งที่ดีเพื่อแสวงหาจุดเริ่มต้นใหม่ ๆ โดยเฉพาะการประชุม จีบีซี ตนถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง และยืนยันในคำตัดสินของศาลโลกเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติเอาใจใส่ที่ผ่านมาสถานการณ์ต่าง ๆ เราควรเร่งดำเนินการตามคำแนะนำของศาลโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาเราจะทำอย่างไรเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติของศาล โดยเฉพาะผู้สังเกตการณ์ที่จะเข้ามาเราจะทำอย่างไร ท้ั้งหมดเป็นปัญหาที่เราเฝ้ารอคอย และจะมีความเห็นร่วมกัน ถือเป็นเรื่องที่ดี ปัญหาจะได้ง่ายขึ้น ถ้าประสานงาน จากผู้สังเกตการณ์ที่เราได้ปฏิบัติตามศาลโลก.

