ลุ้น!ยื่น-ไม่ยื่นฎีกาคดีเลี่ยงภาษีชิน738ล. อสส.”กั๊ก”ให้รอแถลง ป.ป.ช.ยันต้องศาลสูงชี้ขาด
วันที่ 26 กันยายน 2554 เป็นวันครบกำหนดที่คู่กรณีจะยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา(ความจริงครบกำหนดในวันที่ 24 กันยายน หรือ 1 เดือนหลังจากมีคำพิพากษา แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการให้เลื่อนเป็นวันทำการ)ในคดีเลี่ยงภาษี 546 ล้านบาทการโอนหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด(ชินคอร์ป)จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ระหว่าง น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้ “นอมินี”ของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน
หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมกลับคำพิพากษาศาลอาญา ให้ยกฟ้องคุณหญิงพจมาน นางกาญจนาภา หงษ์เหิน และจำคุกนายบรรณพจน์ 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี ปรับ100,000 บาท
แต่จนวันนี้(24 กันยายน) นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดยังไม่แสดงท่าทีชัดเจนว่า จะยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาในคดีดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยว่า มีแนวโน้มที่อัยการสูงสุดจะไม่ยื่นฎีกาโดยสั่งให้นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวในบ่ายวันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2554
แต่เมื่อสอบถามเรื่องนี้ไปยังนายจุลสิงห์ ได้รับแจ้งว่า ให้รอนายธนพิชญ์แถลงในวันจันทร์ เมื่อถามว่า จะยื่นฎีกาหรือไม่ นายจุลสิงห์ย้ำคำเดิมว่า ให้รอนายธนพิชญ์แถลง
เมื่อถามย้ำอีกครั้งว่า แล้วตัดสินใจที่จะยื่นฎีกาหรือไม่ นายจุลสิงห์กล่าวว่า ตัดสินใจให้นายธนพิชญ์แถลงในวันจันทร์
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)กล่าวว่า ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งรับคดีนี้ต่อมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)ได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดยืนยันว่า ต้องยื่นฎีกาในทุกประเด็นเพราะศาลอุทธรณ์ตัดสินแตกต่างจากศาลชั้นต้น และยังมีบันทึกของประธานศาลอุทธรณ์ทำความเห็นแย้งจึงควรที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาด
นายกล้านรงค์กล่าวว่า คดีนี้ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ใช่ตัวความเพราะการส่งฟ้องคดีดังกล่าว คตส.ให้อำนาจตามประมวลกฎหมายรัษฎากรตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่อำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต จึงไม่มีอำนาจในการอุทธรณ์ แต่เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด
ก่อนหน้านี้เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์รายงานว่า นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า อัยการคดีพิเศษซึ่งรับผิดชอบสำนวนคดีได้พิจารณาทำความเห็นว่า สมควรจะฎีกาคดีหรือไม่ เสนอให้นายจุลสิงห์ เพื่อพิจารณากลั่นกรองตามสายบังคับบัญชาแล้ว ส่วนรายละเอียดว่าจะยื่นฎีกาขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามคนหรือไม่ หากการยื่นฎีกาไม่ทันภายในกำหนด 30 วัน ก็ต้องขอขยายเวลาต่อไป
ขณะที่นายเมธา ธรรมวิหาร ทนายความของนายบรรณพจน์ จำเลยที่ 1 กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการฎีกาคดีต่อศาลอาญาไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาได้อีก 30 วันจนถึงวันที่ 25 ต.ค.นี้ โดยขณะนี้ทีมทนายความกำลังหารือและสรุปประเด็นยื่นฎีกาในส่วนของนายบรรณพจน์ โดยแนวทางก็น่าจะเป็นว่า ขอให้ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้องนายบรรณพจน์ เนื่องจากไม่มีเจตนาในการหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งการยื่นฎีกาจะสู้ทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ส่วนคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา นั้นหากอัยการยื่นฎีกา เราก็ต้องแก้ฎีกาสู้คดีต่อไป .
