เคราะห์กรรมที่ไม่ได้ก่อ 'นางเย็น' ทาสผู้ซื่อสัตย์จนสิ้นลมหายใจ

“กายเป็นไท ใจเป็นทาส”
น่าจะเป็นคำจำกัดความสำคัญของ ‘นางทาส’ ที่ตอบโจทย์ท้องเรื่องได้มากที่สุด นับเป็นนวนิยายขนาดสั้นอมตะที่ ‘วรรณสิริ’ ได้ร่ายรสอักษรไว้ และด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นจึงทำให้ถูกนำมาสร้างเป็นละครหลายครั้ง ซึ่งเร็ว ๆ นี้ น่าจะได้รับชมผ่านทางช่อง 3 ออริจินัล และช่อง 3 HD
ในโอกาสงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ใกล้จะมาถึง ผมเลือกหยิบยกนางทาสเป็นเล่มแรก เพื่อจะบอกถึงความงดงามในการดำเนินเรื่องสั้น กระชับ เข้าใจง่าย โดยไม่ทิ้งอารมณ์ร่วมของผู้อ่าน เรียงร้อยถ้อยคำจำลองเหตุการณ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั่นแสดงถึงกลวิธีการเขียนที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดี
นับเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ผู้อ่านสงสารและสังเวช ‘นางเย็น’ หรือ ‘อีเย็น’ ที่ต้องทนทุกข์ ตรากตรำ ทำงาน รับใช้บ้าน ‘พระยาสีหโยธิน’ กับ ‘คุณหญิงแย้ม’ ก่อนโชคชะตาจะนำพาให้หล่อนก้าวขึ้นเป็นอนุภรรยาคนใหม่ โดยได้รับความเอ็นดูจากภรรยาหลวง ด้วยเพราะความเจียมเนื้อเจียมตัว เตือนสติตัวเองตลอดว่า เคยเป็น ‘บ่าวรับใช้’ มาก่อน
ทว่า ความที่ ‘พระยาสีหโยธิน’ เป็นคนหูเบา โมโหโทสะ ไร้เหตุผล และการตรองให้ดี จึงทำให้ ‘นางเย็น’ ต้องลิ้มรส ‘หวาย’ อันแสนเจ็บแซบ เมื่อเสียงดังปะทะแผ่นหนังมนุษย์ ก่อนเลือดซิบเป็นทางยาวน่ากลัวยิ่งนัก
...เสียงหวายดังเควี้ยว เควี้ยว แหวกอากาศลงมากระทบหลังนางทาส ซึ่งถูกมัดมือโยงกับเสาต้นกลมใต้ถุนหอนั่งนั้นน่าสยดสยอง และยิ่งสยดสยองมากขึ้น เมื่อทุก ๆ รอยสัมผัสของไม้เนื้อเกลี้ยงไม่มีเสี้ยน สีเหลือง กระดำกระด่าง เปิดหนังกำพร้าสีน้ำตาลไหม้ เห็นรอยขาวเป็นทางก่อนจึงปรากฏเป็นสีชมพูเรื่อ แล้วกลายเป็นแดงในชั่วพริบตา...
ข้างต้นเป็นประโยคเปิดเนื้อเรื่องที่ชวนให้ติดตาม เพื่อถามหาคำตอบทั้งหมดว่า เหตุใดมันผู้นี้ต้องได้รับรอยหวายประดับกาย เพียงเพราะถูกกล่าวหาว่า ขโมยสร้อยข้อเท้าของ ‘อุ่นเรือน’ บุตรสาวในไส้ตนเอง แต่จำต้องยกให้ ‘คุณหญิงแย้ม’ ด้วยเพราะสำนึกในบุญคุณตลอดมา
หากใครอ่านถึงเหตุการณ์ช่วงนี้ ต้องขอบอกว่า น้ำตาแตกกันทีเดียว ใครจะล่วงรู้โชคชะตาว่า จากอนุภรรยาเพียงไม่กี่เพลา จำต้องกลับลงมาใช้ชีวิต ‘นางทาส’ ในโรงครัว เพราะ ‘พระยาสีหโยธิน’ เชื่อคนง่าย โกรธแค้นที่ชายชู้ของ ‘นางเย็น’ มาลูบคมพระยาถึงบ้าน โดยหารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วชายชู้ผู้นั่น คือ พี่ชายแท้ ๆ ของหล่อน
คนอะไรจะมีชีวิตเศร้าเช่นนี้ เพื่อตอกย้ำรสอักษร ‘วรรณสิริ’ จึงใส่เนื้อหาเข้าไปอีก อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อบุตรชายของ ‘คุณหญิงแย้ม’ หมดลมหายใจตั้งแต่แรกเกิด จึงได้ไปขอบุตรสาวของ ‘นางเย็น’ ซึ่งเกิดในเวลาใกล้เคียงกันมาเป็นบุตร โดยมีเพียงคนสนิทของภรรยาหลวงรู้เห็นเท่านั้น
“เชื่อป้าเถอะ หนูเย็นเอ๊ย” นางฟักเกลี่ยกล่อม “ให้เป็นลูกท่านเสียดีกว่า เด็กก็ย่อมสบายกว่าเป็นลูกเรา คุณหญิงท่านว่าท่านสัญญาให้ว่าจะเลี้ยงเหมือนลูกท่านเองจริง ๆ เอ็งยังสาวยังแส้ อาจมีใหม่ได้”
...ด้วยเหตุผลอันงดงามน่าฟังอีกหลายประการของนางฟักยกขึ้นอ้าง เพื่ออนาคตอันสดใสของลูกและอาจเป็นของตัวเองรวมกัน หล่อนก็ยินยอม...
เรื่องราวเริ่มเข้มข้นมากขึ้น เมื่อ ‘อุ่นเรือน’ ในวัยสาวสะพรั่ง ถูกล่อหลอกจาก ‘นางสาลี่’ อนุภรรยารุ่นเก่าอีกคนหนึ่ง ให้ไปเจอผู้ชาย ด้วยเพราะความอิจฉาริษยา มาดร้าย แต่แล้วก็ถูกขัดขวางจาก ‘นางเย็น’ ในฐานะแม่ที่รักลูก แม้จะโดนลูกในไส้ตบกระเด็น เพราะเข้าขวาง สะเออะรู้ดี อีกใจหนึ่งก็กลัวความผิด เป็นถึงลูกพระยา ริอาจลงจากเรือนมาพบผู้ชาย
“บ่าวยอมตาย”
ประโยคโดนใจ ‘นางเย็น’ ยอมตายเพื่อบุตรสาว เพียงเพราะไม่ต้องการให้ถูกชายชั่ว ไร้หัวนอนปลายเท้า ได้เด็ดกลีบกุหลาบหอม ลิ้มรสน้ำหวาน ชวนลองได้ แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อ ‘นางสาลี่’ เข้ามาเห็น และเกรงว่าแผนชั่วจะล้ม
“ว้าย...ช่วยคุณแดงด้วยทีเร็ว...เร้ว...อีเย็นแย่งของ”
เหตุการณ์วันนั้นจึงทำให้ ‘นางเย็น’ ได้ลิ้มรสหวายครั้งใหญ่จาก ‘พระยาสีหโยธิน’ ซึ่งพิพากษาให้โดยขาดการสอบสวน หูเบา หน้ามืด ไร้ซึ่งธรรมาภิบาล แต่ด้วยความสัมพันธ์ตั้งแต่ในครรภ์ ‘อุ่นเรือน’ ยอมรับกับ ‘คุณหญิงแย้ม’ ว่าผิดเอง หนีตามผู้ชายไป
นั่นทำให้ ‘พระยาสีหโยธิน’ รู้สึกผิด และรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น เมื่อรับทราบความจริงว่า ชายชู้ที่เคยถูกกล่าวหาในอดีตว่า มีสัมพันธ์ลับกับ ‘นางเย็น’ จนทำให้หล่อนต้องกระเด็นไปเป็นนางครัวนั้น ที่แท้คือพี่ชายคลานตามกันมา...ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
ท้ายที่สุด ‘นางเย็น’ และทาสคนอื่น ๆ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแห่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาส นำความปลาบปลื้มมาสู่คนไททุกหมู่เหล่า แต่สำหรับ ‘นางเย็น’ แล้ว คงไม่สำคัญเท่ากับการได้ลบคำพิพากษาผิด ๆ ในเคราะห์กรรมที่ไม่ได้ก่อไปจากชีวิต หลังจากถูกจองจำมานานแสนนาน
“ชาตินี้เราไม่มีเวลาจะร่วมสุขกันแล้ว เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ได้พบปะอยู่กันด้วยกันทุกชาติไปเถิด เย็นอโหสิบาปให้ผัวของเย็นด้วยนะ โอ้...เย็นของผัว...” พระยาสีหโยธินปรารถนาฝากถ้อยคำนี้ถึงหล่อน
แทบไม่น่าเชื่อ หญิงสาววัย 15 ปี ที่ถูกพ่อนำมาขายขัดดอก จนกลายเป็นนางทาสผู้นี้ จะมีโชคชะตาชีวิตขึ้นลงดังคลื่นน้ำที่ไม่มีวันจบสิ้น สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้จาก ‘นางเย็น’ คือ หล่อนเป็นผู้มีจิตใจตั้งมั่น ซื่อตรง เก็บงำความลับไว้ ตามสัญญาที่ออกจากปาก ยอมที่จะทนทุกข์ทรมาน แม้นจำต้องพรากบุตรในไส้ แต่ก็สุขที่เห็นบุตรมีความสุข ตราบเท่าชีวิตจะอยู่บนโลก
ใจยอมเป็น ‘ทาส’ ตลอดไป แม้กายจะเป็น ‘ไท’ แล้วก็ตาม นางทาสผู้ซื่อสัตย์จนวันสุดท้ายของชีวิต
นางเย็น .
ภาพประกอบ:เว็บไซต์พันทิป
เชิญติดตามข่าวสารวงการบันเทิงจากเเฟนเพจ พราวกระซิบ
