ด่วน!อสส.นัดแถลงไม่ยื่นฎีกาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชิน738ล้าน”พจมาน-บรรณพจน์”
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผย”ประสงค์ดอทคอม”ว่า นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดได้ตัดสินใจที่จะไม่ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาในคดีเลี่ยงภาษี 546 ล้านบาทการโอนหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด(ชินคอร์ป)จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท
ระหว่าง น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้ “นอมินี”ของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน ทั้งนี้ ได้สั่งให้นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเลื่อนการแถลงข่าวจาก บ่ายโมงวันที่ 26 กันยายนมาเป็น 11.00 น.วันเดียวกัน สำหรับข้ออ้างในการไม่ยื่นฎีกาคือ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์สามารถแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้อย่างมีเหตุมีผลกว่า
อย่างไรก็ตาม อัยการอาวุโสรายหนึ่ง กล่าวว่าปกติถ้าศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแตกต่างจากศาลชั้นต้นในลักษณะเดียวงกันนี้ อัยการจะต้องยื่นฎีกาเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเพื่อเป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะในกรณีนี้มีคำยืนยันจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ(ป.ป.ช.)ให้ยื่นฎีกาในทุกประเด็นและยังมีบันทึกของประธานศาลอุทธรณ์ บันทึกแย้ง แต่กลับไม่มีการยื่นฎีกา น่าจะมีเหตุผลพิเศษหรืออาจมีรายการ”คุณขอมา”
สำหรับคดีนี้ วันที่ 26 กันยายน 2554 เป็นวันครบกำหนดที่คู่กรณีจะยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา(ความจริงครบกำหนดในวันที่ 24 กันยายน หรือ 1 เดือนหลังจากมีคำพิพากษา แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการให้เลื่อนเป็นวันทำการ)ในคดีเลี่ยงภาษี 546 ล้านบาทการโอนหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด(ชินคอร์ป)จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ระหว่าง น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้ “นอมินี”ของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมกลับคำพิพากษาศาลอาญา ให้ยกฟ้องคุณหญิงพจมาน นางกาญจนาภา หงษ์เหิน และจำคุกนายบรรณพจน์ 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี ปรับ100,000 บาท
แต่จนวันนี้(24 กันยายน) นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดยังไม่แสดงท่าทีชัดเจนว่า จะยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาในคดีดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่ามีแนวโน้มที่อัยการสูงสุดจะไม่ยื่นฎีกาโดยสั่งให้นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวในบ่ายวันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2554
แต่เมื่อสอบถามเรื่องนี้ไปยังนายจุลสิงห์ ได้รับแจ้งว่า ให้รอนายธนพิชญ์แถลงในวันจันทร์ เมื่อถามว่า จะยื่นฎีกาหรือไม่ นายจุลสิงห์ย้ำคำเดิมว่า ให้รอนายธนพิชญ์แถลง
เมื่อถามย้ำอีกครั้งว่า แล้วตัดสินใจที่จะยื่นฎีกาหรือไม่ นายจุลสิงห์กล่าวว่า ตัดสินใจให้นายธนพิชญ์แถลงในวันจันทร์
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)กล่าวว่า ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งรับคดีนี้ต่อมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ(คตส.)ได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดยืนยันว่า ต้องยื่นฎีกาในทุกประเด็นเพราะศาลอุทธรณ์ตัดสินแตกต่างจากศาลชั้นต้น และยังมีบันทึกของประธานศาลอุทธรณ์ทำความเห็นแย้งจึงควรที่จะให้ศาลฎีกา วินิจฉัยชี้ขาด
นายกล้านรงค์ กล่าวว่าคดีนี้ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ใช่ตัวความเพราะการส่งฟ้องคดีดังกล่าว คตส.ให้อำนาจตามประมวลกฎหมายรัษฎากรตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่อำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต จึงไม่มีอำนาจในการอุทธรณ์ แต่เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด .
