ครม.ประยุทธ์ สั่ง สตง.ลุยสอบคูปองส่วนลดซื้อสินค้า2พัน ยุค "ยิ่งลักษณ"
ครม.ประยุทธ์ สั่ง สตง. ลุยสอบข้อมูลเชิงลึกโครงการคูปองส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน มูลค่า 2,000 บาท ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทุกขั้นตอน หลังได้รับรายงานข้อสังเกตปัญหาการใช้จ่ายเงินจาก คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ สนช. -ส่อสร้างความเสียหาย 1.3 พันล.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เรื่อง ผลการพิจารณารายงานการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยด้วยการมอบคูปองส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน มูลค่า 2,000 บาท ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพบข้อสังเกตสำคัญหลายประการเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงิน
เบื้องต้น ที่ประชุม ครม. ได้มีมติให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดทุกขั้นตอนในการดำเนินโครงการดังกล่าวอีกครั้ง หากพบว่ามีการดำเนินการที่เข้าข่ายการกระทำที่เป็นไปตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 ให้แจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป หากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ ให้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ยังให้เสนอรายงานการตรวจสอบโครงการดังกล่าวไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ และแจ้งผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมาธิการฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม. ยังมีมติให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตดังกล่าวได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เข้ามาตรวจสอบข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยด้วยการมอบคูปองส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน มูลค่า 2,000 บาท โดยมีการเชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูล และพบว่า การดำเนินงานมีข้อสังเกตสำคัญหลายประการ อาทิ การจัดสรรเงินทุนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ทางคณะกรรมการกองทุนไม่ได้พิจารณาให้การใช้จ่ายเงินกองทุนเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยจะมีการกล่าวอ้างกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในมาตรา 25(2) และ (3) (ก) ซึ่งหากพิจารณากฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามมาตราที่คณะกรรมการกองทุนใช้ เป็นเกณฑ์ในการนำเงินกองทุนมาใช้ พบว่า มาตรา 25 (2) เป็นการช่วยเหลือเอกชนให้มีการประหยัดพลังงานในการลงทุน ส่วนมาตรา 25 (3)(ก) เป็นการอุดหนุนให้กับส่วนราชการในการอนุรักษ์พลังงาน
โดยในส่วนตัวแทน สตง. ที่เข้าชี้แจงข้อมูลระบุว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายจากการใช้เงินกองทุน จำนวนกว่า 1,300 ล้านบาท โดย สตง. มีแนวคิดว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบกองทุนจะต้องมีการตรวจสอบโครงการดังกล่าวว่า มีการใช้เงินกองทุนตามวัตถุประสงค์กองทุนและชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่