สปช.ลุยถกรธน.ร่างแรกวันที่ 5 -สมบัติกังวล ม.182
สปช. เตรียมพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรก หมวด 7 การกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น ก่อนเข้าภาค 3 คาดใช้เวลา 3 ชั่วโมง ขณะที่ "สมบัติ" เผย ภาพรวม 4 วัน อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ กมธ.รับฟังในบางประเด็น ย้ำกังวล ม.182 เปิดช่องว่างเกิดวิกฤติ
บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ล่าสุด ประธานกดสัญญาณเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุมแล้ว โดย นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญ กิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ วิป สปช. เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้ สมาชิกยังพิจารณาต่อในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและระบบการเมืองที่ดี ว่าด้วยหมวด 7 การกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเหลือผู้อภิปรายอีก 10 คน คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นจะพิจารณาต่อในภาค 3 หลักนิติธรรม ศาล และการตรวจสอบใช้อำนาจรัฐ แบ่งเป็น 2 หมวด คือ หมวด 1 ศาลและกระบวนการยุติธรรม หมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและส่วนที่เป็นองค์กรอิสระ โดยมีสมาชิกประสงค์ขออภิปรายประมาณ 50 คน ส่วนในวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้ จะพิจารณาต่อในภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง รวมถึงบทแก้ไขเพิ่มเติมและบทเฉพาะกาลได้ทันตามกรอบที่กำหนด
'สมบัติ' ย้ำกังวล ม.182 เปิดช่องว่างเกิดวิกฤติ
ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงภาพรวม 4 วัน ของการอภิปรายรัฐธรรมนูญร่างแรก ที่ทางคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เสนอมา ว่า มีบางประเด็นที่มีการอภิปรายแล้วทางคณะกรรมาธิการยกร่างฯ รับฟัง และจะนำกลับไปปรับแก้ อาทิ ประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรี มาตรา 173 แต่ก็ยังมีบางประเด็นที่ทางคณะกรรมาธิการยกร่าง ได้ชี้แจงยืนยันเจตนารมณ์เดิม ส่วนในมาตรา 182 ที่ทางคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ได้มีความกังวลว่าจะเป็นการเปิดช่องว่างให้เกิดวิกฤติขึ้นอีกครั้งนั้น ทางคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ได้มีการชี้แจงในลักษณะยืนยันจตนารมณ์เดิม และจะไม่ปรับแก้ไข
ทั้งนี้ ในวันที่ 27 เม.ย.นี้ ทางคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และคณะกรรมาธิการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จะมีการนัดประชุมร่วมกันที่รัฐสภา ในเวลา 09.30 น. เพื่อหารือถึงประเด็นที่จะเสนอคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ ศ.ดร.สมบัติ ยังกล่าวถึงกรณีที่ทางศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ได้มีการเชิญแกนนำกลุ่มการเมืองเข้าร่วมหารือเมื่อวานนี้ ว่า คงเป็นมาตรการป้องปราม เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวได้มีการออกมาแสดงความคิดเห็นที่อาจจะเกิดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งทาง คสช. คงจะได้เรียนรู้บทเรียนจากการยึดอำนาจในสมัย คมช. และไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับ คสช.
วุฒิสารแจงหมวด7ย้ำหลักการปชช.มีส่วนร่วม
การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรก ล่าสุด เปิดการประชุมแล้ว เข้าสู่การพิจารณาในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและระบบการเมืองที่ดี ว่าดัวยหมวด 7 การกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น โดย นายวุฒิสาร ตันไชย กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ชี้แจงเจตนารมณ์ของหมวด 7 ว่า กรรมาธิการได้พยายามเขียนหลักการสำคัญในการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่นที่มีความหลากหลาย รองรับและวางรากฐานในอนาคต ทั้งการกำหนดความหลากหลายขององค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น หากมีการประกาศเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษในอนาคตจะสามารถพัฒนารูปแบบท้องถิ่นได้ รวมถึงพื้นที่ ที่มีสภาและผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งการมีส่วนร่วมของประชาน เป็นหลักการสำคัญที่องค์กรปกครองท้องถิ่น ต้องกำหนดกลไกนี้ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารท้องถิ่น สิทธิ์ในการถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่น ตลอดจนการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่องค์กรปกครองท้องถิ่น ต้องรายงานผลการดำเนินงาน สถานะทางการเงินการคลังให้ประชาชนรับทราบในทุก 1 ปี
สปช.หนุนกระจายอำนาจแนะปชช.แสดงความเห็น
การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่ออภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุด ที่ประชุมยังคงพิจารณาในส่วนภาคที่ 2 เรื่องผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง ในหมวด 7 การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น ซึ่งสมาชิก สปช.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนให้มีการกระจายอำนาจเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาประชาชน เพราะที่ผ่านมาส่วนกลางดูแลได้ไม่ทั่วถึง โดย นายเชื้อ ฮั่นจินดา สมาชิก สปช. ยังเห็นว่า มาตรา 211 ไม่ควรกำหนดให้ประชาชนมีส่วนตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา การบริหารงานท้องถิ่น เพราะจะกระทบต่อการบริหาร
งานท้องถิ่นได้ ซึ่งประชาชนควรมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นเท่านั้น
ขณะที่ นายชิตชัย จิวะตุวินันท์ สมาชิก สปช. อภิปรายสนับสนุนให้มีการกระจายอำนาจเช่นกัน เพราะท้องถิ่นมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด แต่ที่ผ่านมาบัญญัติหลักการกระจายอำนาจไว้แต่ไม่สามารถนำมาปฏิบัติจริงได้ ดังนั้น จึงเสนอให้ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดเรื่องขอบเขตอำนาจหน้าที่ขององค์กรบริหารท้องถิ่นให้ชัด
สปช.ชุมพรชี้รธน.จับต้องได้พลเมืองเป็นใหญ่
การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรก สมาชิกยังอภิปรายในหมวด 7 ว่าด้วยการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น โดย นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา สปช.จังหวัดชุมพร อภิปรายว่า กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้เขียนรัฐธรรมนูญที่จับต้องได้ เพราะให้ความสำคัญกับพลเมืองเป็นใหญ่
ขณะที่ สปช. ไม่ใช่ ส.ส. ดังนั้นการปฏิรูปจึงเป็นความหวังของประชาชน จึงต้องร่วมทำรัฐธรรมนูญให้ปราศจากความขัดแย้งก่อนการเลือกตั้ง สำหรับในหมวด 7 หลักการกระจายอำนาจมีจุดเด่นทั้งมีความยืดหยุ่นสูง เพิ่มอำนาจให้ประชาชนสามารถถอดถอนและเสนอกฎหมายได้ กำหนดให้มีหน่วยบริการสารธารณะที่ราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค จะถ่ายโอนภารกิจให้ท้องถิ่นช่วยบริหารงานได้ รวมถึงการบูรณาการภาครัฐกับท้องถิ่นมากขึ้นในด้านแผนให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตในท้องถิ่นได้ อีกทั้งยังมีกระบวนการตรวจสอบ การถ่วงดุล เพื่อให้การทำงานมีความโปร่งใส
เลิศรัตน์มองข้อเสนอเลื่อนการลต.ยังไม่ชัดเจน
พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึง ข้อเสนอของกลุ่มพรรคการเมืองที่ต้องการให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่รูปแบบชัดเจน และอาจเป็นลักษณะการต่อรองทางการเมือง ทั้งนี้ การเลื่อนการเลือกตั้งเป็นอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงอยากให้ทุกคนใจเย็น และรอให้ร่างรัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยตามหลักสากลก่อน นอกจากนี้ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับของกรรมาธิการถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 74 พรรค ให้ส่งข้อเสนอแนะกลับมายังกรรมาธิการยกร่างฯ ภายใน 30 วัน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในช่วง 60 วันสุดท้าน จากนั้นเตรียมเชิญ สปช. คณะรัฐมนตรี และ คสช. เข้าร่วมประชุมในวันที่ ในช่วงวันที่ 1-6 มิถุนายน 2558 ในการพูดคุยเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะนำข้อเสนอทั้งหมดมาเปรียบเทียบ เพื่อปรับแก้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
บรรเจิดแจงกมธ.ยกร่างต้องดำเนินการโปร่งใส
บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ล่าสุด สมาชิก สปช. การอภิปรายในภาค 3 หลักนิติธรรม ศาล และองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หมวด 1 ศาลและกระบวนการยุติธรรม โดย นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อภิปรายชี้แจงบทบัญญัติในภาคนี้ ว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องการให้กระบวนการยุติธรรม ดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่ล่าช้า และต้องกำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจน ทั้งนี้ กรรมาธิการยกร่างฯ ไม่ได้ทำหน้าที่กำหนดระยะเวลาการทำงานให้ศาล แต่ให้ศาลต้องกำหนดระยะเวลาเองตามความเหมาะสม มีความอิสระในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งต้องแต่งตั้งตามความเหมาะสมและตรงกับความเชี่ยวชาญของผู้พิพากษา
นอกจากนี้ ยังได้คำนึงถึงความเป็นอิสระในการทำงานของศาลตุลาการ ที่ต้องปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ประธานศาลจะดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียวเป็นเวลา 4 ปี ประธานศาลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งได้ 3 ปี ทั้งนี้ ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญามีศาลอุทธรณ์ ศาลคดีชำนาญการพิเศษ ส่วนศาลทหารยังคงหลักการเดิม เพื่อให้ศาลและกระบวนการยุติธรมอำนวยการเรื่องของอรรถคดีแก่ประชาชนอย่างเป็นธรรม รวดเร็ว และกระบวนการยุติธรรมมีความเข้มแข็ง
ขอบคุณข่าวจาก