สารพัดฉายา“ร่างรธน.”ลงเรือแป๊ะ-ฝันเฟื่อง-บัวลอยไข่หวานมีขี้จิ้งจก-สับขาหลอก?
“...การออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำลังพาประเทศย้อนยุคให้สภากลายเป็นเบี้ยหัวแตก ได้รัฐบาลผสมหลายพรรค ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ และเปิดช่องทางให้คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้”
เชื่อหรือไม่ว่า ช่วงเวลาแห่งการร่างรัฐธรรมนูญ 2558 นับจากมี 36 กรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ จนมาถึงวันที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เปิดอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดวลี วาทกรรม และฉายาแปลกๆให้กับร่างรัฐธรรมนูญมากมายหลายฉายาสารพัด
เริ่มตั้งรัฐธรรมนูญ “ฉบับลงเรือแป๊ะ ตามใจแป๊ะ” โดย “ดร.วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี กล่าวไว้ในโครงการสัมมนาของสมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เมื่อปลายปีที่แล้วว่า
“…วันนี้ทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว เหมือนคำโบราณที่ว่า ลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ ไม่เช่นนั้นจะถูกแป๊ะไล่ลงจากเรือ ก็ต้องตามใจแป๊ะ”
ถัดมาคือ รัฐธรรมนูญ “ฉบับหน้าขาว ฟันเหยิน” โดยขาประจำ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ให้ไว้เมื่อปีที่แล้วเช่นกัน ล่าสุด เสี่ยชูวิทย์โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญว่า “...ร่างรธน.ฉบับใหม่ ที่มานายกฯ คนนอกคนใน สารพัดที่มา ส.ส.และส.ว อ่านแล้วปวดหัว มั่วซั่วไปหมด
ฉายาต่อมาคือ รัฐธรรมนูญ “ฉบับเลโก้” มาแนววิชาการ โดย “รศ.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์” นักวิชาการอิสระ วิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญว่า “...สิ่งที่ร่างรัฐธรรมนูญอาจบรรลุได้ชั่วคราวคือ จะทำให้เผด็จการเสียงข้างมากใช้เวลาฝักตัว
ข้อดีอย่างน้อยที่สุดคือ ซื้อเวลาและถ้าหากถึงจุดหนึ่ง ความพยายามในการกลับมาเป็นเผด็จการเสียงข้างมากยากเย็นขึ้น จุดนี้จะกลายเป็นเงื่อนไขและเงื่อนเวลาไปสู่การลดการเผชิญหน้าลงและช่วยหลีกเลี่ยงโอกาสในการเกิดสงครามกลางเมืองได้
“รศ.สมชาย” เชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นฉบับชั่วคราวที่ใช้ในบริบทการเมืองเฉพาะ เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญ 3-4 ฉบับที่ร่างมาตั้งแต่ปี 2540 จึงเรียกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า ฉบับเลโก้ ซึ่งไม่ใช่ฉบับถาวร ไม่เหมือนกับฉบับดี ๆ ในประเทศพัฒนาที่อยู่ได้หลายทศวรรษ
อีกฉายาแรงๆ คือ รัฐธรรมนูญ “ฉบับฝันเฟื่อง” ให้โดย “ศรีราชา วงศารยางค์กูร” ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้คัดค้านการควบรวมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)กับผู้ตรวจการแผ่นดิน
“ศรีราชา” วิจารณ์ว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 เขียนให้รัฐบาลมีอำนาจมาก แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนให้มีรัฐบาลผสม ซึ่งจะ เละตุ้มเป๊ะ ยุ่งยาก มีปัญหาตามมาอีกมากมาย และทำให้การปฏิรูปมีปัญหามากพอสมควร
“...ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความพยายามที่ดีมากในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ขอตั้งชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับฝันเฟื่อง เพราะสร้างทุกอย่างไว้ในจินตนาการ ไม่ว่าจะเรื่องการปรองดอง การปฏิรูปกฎหมาย การศึกษาเรียนฟรี 15 ปี แต่เพราะตราบใดที่รัฐไม่รวยพอหรือปรับโครงสร้างภาษีให้ดีกว่าก็ไม่มีทางเป็นไปได้”
นอกจากนี้ยังมีวาทะกรรม รัฐธรรมนูญ “ฉบับย้อนยุค” พาประเทศถอยหลัง ฉายานี้อภิปรายกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในหมู่นักการเมืองจากพรรคการเมืองต่างๆ ที่ประสานเสียงร่วมกันว่า..
การออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำลังพาประเทศย้อนยุคให้สภากลายเป็นเบี้ยหัวแตก ได้รัฐบาลผสมหลายพรรค ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ และเปิดช่องทางให้คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้
“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินว่า “...ผลที่จะได้จากรัฐธรรมนูญคือ 1.รัฐบาลผสมเบี้ยหัวแตก 2.อาจจะได้นายกรัฐมนตรีที่เหลิงอำนาจ โกงแล้วหนีอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีอำนาจเสนออภิมหาพระราชกำหนด พรรคร่วมถอนตัวได้ยาก
3. การตรวจสอบในสภามีข้อจำกัด 4. ประชาชาจะเข้าใจว่าระบบการเมืองไร้ประสิทธิภาพ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย และ 5. วงจรอุบาทว์อาจจะย้อนกลับมา”
ส่วนฉายาจากการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญของ สปช. คือ รัฐธรรมนูญ “บัวลอยไข่หวาน มีขี้จิ้งจก" โดย “ดร.นิรันดร์ พันทรกิจ” สมาชิกสปช. ที่อภิปรายว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนบัวลอยไข่หวาน ไข่ก็สด แป้งก็ดี แต่มีขี้จิ้งจกอยู่ 6-7 เม็ด
“...การร่างรัฐธรรมนูญนี้เกิดวาทกรรมแปลกๆ ในช่วงกำลังร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะ ผมย้ำว่าเรือนี้ไม่ใช่เรือของแป๊ะ เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนไม่ใช่ของแป๊ะ" ดร.นิรันดร์ กล่าว
หรือ ฉายารัฐธรรมนูญ “ฉบับสับขาหลอก” โดย “เอกราช ช่างเหลา” สปช. ขอนแก่น ที่อภิปรายว่า ขอให้ฉายาร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นฉบับสับขาหลอก เนื่องจากระบุว่าให้พลเมืองเป็นใหญ่ แต่ในส่วนการเลือก ส.ว.กลับพบว่าไม่ให้สิทธิ์ประชาชนเลือกได้โดยตรง ถือว่าเป็นการไม่เห็นหัวประชาชน หลอกลวงประชาชน
นี่คือส่วนหนึ่งของนานาทรรศนะว่าด้วยฉายาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีทั้งนัยยะการเมืองและเรียกเสียงอมยิ้ม เน้นฮา ไม่มีรหัสการเมืองใดๆทั้งสิ้น
กระนั้นก็ตาม กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชี้แจงและยืนยันมาโดยตลอดว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้คือรัฐธรรมนูญ “ฉบับปฏิรูป” ที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯออกแบบโดยมีเจตนารมณ์สร้างให้พลเมืองเป็นใหญ่ เกิดการเมืองสมดุลใสสะอาด สร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อล้ำ และเกิดความปรองดอง?
ขอบคุณภาพจาก http://www.posttoday.com