สนช.ชงสูตรทำประชามติ รธน.เป็นรายประเด็น เฉพาะมาตรา
สนช.รุมเขย่าร่าง รธน.ใหม่ ไม่เอาด้วยที่มา ส.ว. มึนระบบสรรหาสุดซับซ้อน "พีระศักดิ์" ติงลดจำนวน ส.ส.เขต ทำให้ชาวบ้านเข้าถึงผู้แทนฯ ลำบาก ชงสูตรทำประชามติ รธน.รายประเด็น เฉพาะมาตราที่มีปัญหามากๆ...
วันที่ 4 พ.ค. 58 นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่สอง กล่าวถึงการส่งความเห็นและให้ข้อเสนอแนะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ สนช.ให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เท่าที่ได้รับฟังความเห็นจาก สนช.ส่วนใหญ่มีความเป็นห่วงประเด็นโครงสร้างการเมือง โดยเฉพาะเรื่องที่มา ส.ว.มีการท้วงติงกันมาก เพราะมีความซับซ้อนในการสรรหา มีที่มาหลายแบบ เข้าใจยาก อยากแก้ไขให้มี ส.ว.สรรหาและเลือกตั้งในจำนวนเท่ากัน และ ส.ว.เลือกตั้ง 77 จังหวัด ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ไม่ต้องมีคณะกรรมการกลั่นกรองมาคัดเลือกผู้สมัครเหลือ 10 คน ขณะที่เรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอก สนช.ส่วนใหญ่ไม่ขัดข้องหากจะมีนายกรัฐมนตรีคนนอกแต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่า ต้องใช้ในช่วงวิกฤติจริงๆ เท่านั้น จะใช้ในภาวะปกติไม่ได้
นายพีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่อง ส.ส.ระบบสัดส่วนนั้น สนช.ก็เห็นก้ำกึ่งกันอยู่ มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ส่วนตัวเห็นว่า ส.ส.ระบบสัดส่วน เป็นระบบที่เข้าใจยาก อีกทั้งการไปลดจำนวน ส.ส.เขตจากปัจจุบัน 400 คน เหลือ 250 คน หายไปร้อยกว่าคนทำให้ประชาชนเข้าถึง ส.ส.ยากขึ้น เพราะสังคมชนบท ส.ส.เหมือนเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้าน เวลาเดือดร้อนก็วิ่งเข้าหา ส.ส. จึงอยากให้มี ส.ส.เขตมากขึ้น
นายพีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น สนช.เห็นตรงกันว่า ต้องทำประชามติ แต่ไม่ควรนำร่างรัฐธรรมนูญปีอื่นมาประกบกับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้ประชาชนโหวตเลือก เพราะรัฐธรรมนูญเดิม อาทิ ปี 40 หรือ ปี 50 ก็ล้วนมีจุดอ่อนทำให้เกิดการรัฐประหาร หากจะทำประชามติก็ควรทำเฉพาะร่างใหม่เพียงฉบับเดียว ขณะนี้มี สนช.บางส่วนเห็นว่า ให้ทำประชามติเป็นรายประเด็นเฉพาะประเด็นที่ถูกท้วงติงมากๆ เช่น ที่มานายกฯ ที่มา ส.ว. และที่มา ส.ส. ไม่ควรทำทั้งฉบับว่า ประชาชนจะรับหรือไม่รับ เพราะจะทำให้เนื้อหาในส่วนที่ดีๆ ของรัฐธรรมนูญต้องพลอยตกไปด้วย หากประชาชนโหวตไม่รับร่าง เชื่อว่าการทำประชามติรายประเด็น ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ชาวบ้านเข้าใจได้ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร
ขอบคุณข่าวจาก