ระบบบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครขอนแก่น กระทบชาวบ้าน สูญเสียอาชีพ?
ชาวขอนแก่นโวย ระบบบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครขอนแก่น “ไม่ชัวร์” ปล่อยน้ำเสีย ชุมชนกระทบหนัก เลิกทำเกษตร ปลาขายในตลาดไม่ได้

ตรวจสอบพบน้ำเสียในพื้นที่ชุมชนใกล้บ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครขอนแก่น ชาวบ้านที่รับน้ำโวย ทำไมน้ำที่มีจากบ่อบำบัดมีสีเขียว ส่งกลิ่นเหม็น ส่งผลกระทบหนักต้องเลิกทำอาชีพเกษตรและประมง ขณะที่เทศบาลยืนยันบ่อบำบดมีประสิทธิภาพได้มาตรฐานสากล แต่มีบางชุมชนโดยรอบไม่สามารถต่อท่อส่งน้ำเสียมาบำบัดได้ เพราะต้องใช้งบกว่า 100 ล้าน
ชาวบ้านโนนสวรรค์ หมู่ที่ 6 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบการลักลอบปล่อยน้ำเสียจากเขตเทศบาลนครขอนแก่น ลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะของชุมชน ในพื้นที่เขตติดต่อระหว่างเขตเทศบาลนครขอนแก่น กับ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น มานานกว่า 1 ปี โดยไม่มีหน่วยงานใดให้ความช่วยเหลือ แม้ชาวบ้านจะมีการประชุมเพื่อทำประชาคมและท้วงติงการปฏิบัติงานของเทศบาลนครขอนแก่น ผ่านเทศบาล ต.พระลับ ไปแล้วหลายครั้งแต่ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข
แหล่งกำเนิดน้ำเสียของเขตเทศบาลขอนแก่นมาจากบ้านเรือน โรงแรม ตลาดสดและร้านอาหาร ปล่อยน้ำเสียที่ยังไม่ผ่านการบำบัดอย่างถูกต้องลงสู่หนองอีเลิง หรือที่คนในละแวกนี้เรียกว่า “หนองเลิงเปลือย” ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะที่รับน้ำจากเทศบาลนครขอนแก่นโดยตรง ทั้งเป็นแหล่งน้ำที่ชาวบ้าน ใช้น้ำจากแหล่งน้ำแห่งนี้อุปโภคและบริโภคมาอย่างยาวนาน
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างเขตเทศบาลนครขอนแก่น กับ หมู่บ้านโนนสวรรค์ ตำบลพระลับ พบว่า ฝั่งเทศบาลนครขอนแก่นนั้นเป็นบ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ ที่รับน้ำมาจากชุมชนต่างๆ ผ่านลำลางส่งน้ำในเส้นทางถนนเฉลิมพระเกียรติ และเมื่อผ่านการบำบัดแล้วนั้นก็จะปล่อยลงสู่หนองอีเลิง ไปยังห้วยพระคือ และไหลลงสู่ลำน้ำพองต่อไป
“แต่เมื่อสำรวจไล่ไปทีละจุด พบว่า ท่อน้ำในบางจุดไม่ถูกต่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดน้ำเสีย”
จุดที่เห็นได้ชัดเจน คือ น้ำเสียจาก “ชุมชนหนองใหญ่” และ “ชุมชนหมู่บ้านมิตรสัมพันธ์” ทางระบายน้ำของสองชุมชนนี้ถูกปล่อยลงสู่หนองอีเลิงทันที
ข้อสังเกตที่น่าสนใจอีกจุด คือ หากน้ำเสียในชุมชน ผ่านกระบวนการบำบัดอย่างถูกต้องเทศบาลนครขอนแก่น จะต่อท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ก่อนปล่อยน้ำที่บำบัดแล้วไหลลงสู่หนองอีเลิง แต่เมื่อตรวจสอบปลายท่อระบายน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว กลับพบว่า มีฟองขาวกระจายอยู่ทั่วทั้งบริเวณ น้ำที่ไหลออกมามีสีเขียว มีกลิ่นเหม็น และเมื่อน้ำจากทั้ง 2 จุด คือ หนองอีเลิงกับห้วยพระคู ไหลมาบรรจบกัน น้ำยิ่งมีสีเขียวอย่างเห็นได้ชัด คล้ายกับยังไม่ผ่านการบำบัด ทำให้ปะชาชนในเขต ต.พระลับ 3 หมู่บ้าน รวมกว่า 2,000 หลังคาเรือน ซึ่งเป็นจุดรับน้ำด่านแรก ต้องทนอยู่กับน้ำเสีย... ทั้งที่อยู่ใกล้บ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล
ผลกระทบชาวบ้าน สูญเสียอาชีพ
ผู้นำชุมชนที่ได้รับผลกระทบ นายวินัย ทองทัพ ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 6 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ประชาชนทั้ง 3 หมู่บ้าน ต้องทนอยู่กับน้ำทิ้งจากเขตเทศบาลนครฯ ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่ใหญ่ที่สุดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดขอนแก่น โดยไม่ทราบเลยว่า นำที่ถูกปล่อยลงมา ผ่านการบำบัดจริงหรือไม่ เพราะหากตรวจสอบ จะพบว่า ยังคงมีท่อน้ำทิ้งที่ไม่ได้ผ่านการบำบัดของชุมชนต่อตรงมายังหนองอีเลิง และยังมีน้ำที่ผ่านการบำบัดและน้ำเสียที่มาจากจุดอื่นไหลรวมกันอยู่ดี ก่อนไหลลงที่ห้วยพระคือ ซึ่งเป็นสายน้ำหลักของชาวพระลับที่ใช้ในการทำการเกษตร
“ที่ผ่านมาชาวบ้านในละแวกนี้จะประกอบอาชีพการเกษตรเป็นหลัก แต่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาต่างต้องพากันเลิกประกอบอาชีพไปด้วยเหตุเพราะน้ำจากลำห้วยพระคือและน้ำในหนองอีเลิงไม่สามารถนำมารดผักที่ปลูกได้ เพราะเมื่อนำมารดผักที่ปลูก ผักก็ตาย ชาวบ้านจึงเลิกอาชีพปลูกผักขายไปอย่างสิ้นเชิง แม้ที่ผ่านมาหลายคนจะรู้จักว่าเขตตำบลพระลับเป็นแหล่งผลิตผักรายใหญ่ของจังหวัดแต่วันนี้แทบที่จะไม่มีแล้วด้วยเหตุผลของน้ำที่ไม่สามารถนำมารดผักได้” ...นายวินัยกล่าว
อาชีพประมง เป็นอีกหนึ่งอาชีพหลักของชาว ต.พระลับ พวกเขาจับปลาจากหนองอีเลิงไปจำหน่ายที่ตลาดสดในเขตเทศบาลนครขอนแก่น แต่ช่วงนี้หากผู้ซื้อทราบว่า เป็นปลาจากหนองอีเลิง ก็จะไม่ซื้อเด็ดขาด โดยลูกค้าให้เหตุผลว่า เนื้อปลาที่ถูกจับมาจากแหล่งน้ำใกล้บ่อบำบัดน้ำเสีย มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นสารเคมี จึงประสานงานไปยังกำนันและเทศบาลตำบลพระลับ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ยังไม่เห็นการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
“ชาวบ้าน ทั้ง 3 หมู่บ้านต้องกิน ต้องนอนอยู่กับปลายท่อน้ำทิ้งจากชุมชนเมืองทุกวันอยากที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเสียที หรือได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่า น้ำสีเขียว บางจุดเป็นสีดำและมีกลิ่นเหม็น ... ที่เทศบาลนครขอนแกนบอกว่าผ่านการบำบัดมาแล้ว จริงเท็จแค่ไหน และท่อน้ำที่ปล่อยลงมาในลำห้วยและหนองน้ำสาธารณะ โดยไม่ผ่านการบำบัดนั้นเป็นเจตนาของเทศบาลนครฯหรือชุมชนในเขตเทศบาลนครฯทำกันเอง เรื่องนี้ก็คงไม่จบไม่สิ้นถ้าไม่มีคนมาแก้ไขหรือนั่งล้อมวงพูดคุยหาทางออกร่วมกัน ชาวบ้านวันนี้เคยชินกับสภาพเป็นอยู่อย่างนี้ แต่ปัญหาเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงมลพิษก็ตามมาอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การสะสมในร่างกาย จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาคลายทุกข์ให้กับชาวบ้านด้วย” … ผู้ใหญ่บ้านโนนสวรรค์กล่าว
นายประยุทธ บรรเทา ผู้ใหญ่บ้าน ม.13 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ชาวพระลับต่อสู้เรื่องนี้มานานกว่า 10 ปี แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง คนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น อาจจะมองสภาพปัญหาดังกล่าวนี้ว่าเป็นเรื่องเล็กเพราะเป็นพื้นที่ปลายน้ำแต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องใหญ่ของชาวบ้าน
“ผมและชาวบ้านต่อสู้เรื่องนี้กันมาตั้งแต่ปี 2548 แต่ก็ไม่ได้รับการดำเนินการที่ขัดเจน ชาวบ้านที่เคยทำกิน โดยเฉพาะการปลูกผัก 2 ฝั่งห้วยพระคือ เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว กว่า 300 หลังคาเรือนวันนี้ปลูกจริงไม่ถึง 10 หลังคาเรือนเพราะน้ำไม่สามารถทำการเกษตรได้ คนที่จับปลาขายแม้จะจับได้ก็ไปขายไม่ได้ ซึ่งหากไปขายที่ตลาดบ้านหนองใหญ่ ลูกค้าก็ไม่ซื้อ จึงจำเป็นจะต้องไปขายที่อื่นแทน บางคนเลิกอาชีพทำประมงและปลูกผักไปรับจ้างเป็นคนงานก่อสร้างแทน ซึ่งคงถึงเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างจริงจัง เพราะชาวบ้านเมื่อขับรถผ่านบริเวณปากท่อที่ผ่านการบำบัด แล้วเห็นฟองอากาศหรือฟองน้ำที่ขาวโพนไหลออกมาและไหลลงลำห้วยล้วนต่างกลัวถึงผลกระทบด้านสุขภาพต่างๆที่จะตามมามากมาย อีกทั้งชุมชนในพื้นที่โดยรอบบ่อบำบัดน้ำเสียมีการปล่อยน้ำเสียตรงลงสู่หนองน้ำอีก เทศบาลฯควรอุดช่องโหว่ตรงนี้ได้แล้วและร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังเสียที” …นายประยุทธ กล่าว
เทศบาลยอมรับ มีช่องโหว่ที่ปลายน้ำ
นายทศพล วงศ์อาษา ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครขอนแกน กล่าวว่า ระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาล ตั้งอยู่บนพื้นที่รวมกว่า 100 ไร่ ภายในบึงสาธารณะทุ่งสร้าง ซึ่งสามารถรองรับน้ำเสียได้ถึง 78,000 ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำเสียไหลลงบ่อบำบัดเพียง 50,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งระบบบำบัดน้ำเสียที่เทศบาลฯดำเนินการอยู่นั้นเป็นระบบเติมอากาศที่ได้มาตรฐานสากลและดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2545 ขณะที่ท่อส่งน้ำเสียนั้นมีระยะทางยาวถึง 4 กม.ตามคลองร่องน้ำ ซึ่งมีการวางท่อคู่ขนานทั้ง 2 ฝั่งเพื่อรองรับน้ำเสียจากพื้นที่ชุมชนเมืองและให้ไหลมาตามเส้นทางน้ำก่อนจะไหลลงส่วนแยกท่อน้ำเสียบริเวณโรงสูบน้ำบึงทุ่งสร้างทั้งหมด เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการบำบัดและปล่อยลงสู่หนองอีเลิงต่อไป
“กระบวนการบำบัดน้ำเสียของ ทน.ขอนแก่น ได้ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 10 และ และสถาบันแหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อร่วมกันตรวจสอบและประเมินผลการทำงานร่วมกันทั้งหมดเพื่อให้ความสบายใจและอุ่นใจของชาวชุมชนว่ามีกระบวนการทำงานที่ถูกต้อง ทั้งนี้การบำบัดน้ำเสียนั้นจะต้องมีการรายงานผลไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกเดือน โดย โรงบำบัดน้ำเสียจะต้องลงบันทึกประจำวันไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียทั้งระบบ ตั้งแต่เครื่องสูบน้ำ,เครื่องเติมอากาศ,เครื่องกวนและผสมน้ำเสีย,เครื่องกวนและผสมสารเคมี เครื่องสูบตะกอน ทั้งยังคงจดสถิติว่าด้วยปริมาณน้ำเสียที่เข้าระบบบำบัดและการระบายออก ที่จะต้องจดบันทึกทุกวันและรายงานผลทุกเดือน ทั้งนี้สำหรับฟองอากาศหรือฟองน้ำสีขาวจากการปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดไปนั้นยืนยันว่าไม่มีอันตรายแต่อย่างใด เพราะเป็นสารฟอสฟอรัสและไนโตรเจน ที่ผ่านการบำบัดและอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ อีกทั้งกรมควบคุมมลพิษ ไม่ได้กำหนดค่าความสูงต่ำของค่าและฟองอากาศดังกล่าวไว้ด้วยจึงยืนยันว่าไม่เป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่ปลายน้ำอย่างแน่นอน”
แต่ในจุดที่มีการปล่อยน้ำเสียโดยตรงจากชุมชนรอบบ่อบำบัด นายทศพล ยอมรับว่า มีจริง โดยเป็นปัญหาที่ไม่มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียของชุมชนหนองใหญ่ และมีการต่อท่อตรงลงสู่หนองอีเลิงหรือหนองน้ำของชาวพระลับ จนอาจเกิดเป็นกรณีพิพาทขึ้นได้ ซึ่งถ้ามีการต่อท่อย้อนกลับคืนมายังประตูรับน้ำเสีย ต้องใช้งบประมาณสูงมากกว่า 100 ล้านบาท
แนวทางการแก้ไขปัญหาจากที่ประชุมร่วม 3 ฝ่ายซึ่งประกอบด้วย เทศบาลนครขอนแก่น สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 10 และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ประสานขอพื้นที่ด้านหลังโรงเรียนเทศบาลหนองใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่ด่านแรกของจุดรับน้ำเสีย เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ มาพิจารณาจัดตั้งเป็นสถานที่บำบัดเฉพาะ ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น กำลังทำการศึกษาว่าจะทำในลักษณะใดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้ ในระยะเวลา 6 เดือนของปีงบประมาณ 2558
