‘ไม่ทันดังระวังกระเด็น’ เตือนสติดารามือแข็ง ไปไม่ลา-มาไม่ไหว้

กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที เมื่อนักร้องคนเก่ง ‘อ๊อฟ ปองศักดิ์’ โพสต์ภาพหน้าตัวเองทำปากเบ้พร้อมข้อความลงอินสตาแกรมร่ายยาวถึงดารานักแสดงรุ่นน้องปริศนาคนหนึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไร้สัมมาคารวะต่อผู้หลักผู้ใหญ่ จนทำให้อ๊อฟเดือดพล่านตำหนิแบบฟันไม่เลี้ยง โดยมีเนื้อความว่า
“กลับมาบ้านลงรูปงานวันนี้ นึกภาพไม่ประทับใจขึ้นมาได้ ขอย้ำไม่ใช่ว่าเจอคนเดียว สัมมาคารวะเป็นสิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่อ๊อฟจำความได้ รู้จักไม่รู้จัก สนิทไม่สนิท อ่อนน้อมถ่อมตนนี่สำคัญ ยกมือขึ้นมาประนมพร้อมก้มหัวเอ่ยคำว่า ‘สวัสดีค่ะ’
กับเด็กบางคนคงจะยากสินะ จะว่าไปก็ไม่เด็กนะ เอาเป็นว่าไม่ทันดังก็ทำตัวดังมากซะแล้ว คอแข็งปากล็อคโบท็อกซ์สินะ หน้าถึงเชิดยิ่งกว่าดาราซุปตาร์...ถ้าวันหนึ่งพี่ดังมากพี่จะเดินเข้าไปหักหน้าน้องดัง ๆ ให้อายเลย เดินผ่านเป็นสิบรอบ ดีออก หรือพี่เหมือนเด็กยกของคะ...”
จากข้อความข้างต้นนำมาสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์และสืบหาว่า ดารานักแสดงคนนั้นคือใคร โดยต่างคาดเดากันว่า เป็นนักแสดงสาวอักษรย่อ ม. แห่งวิกอโศก ตกเป็นข่าวกับนักร้องอักษรย่อ บ. ซึ่งกำลังจะมีผลงานละครบรอดเวย์เร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ผู้จะมาเฉลยปริศนานี้ได้คงหนีไม่พ้นตัวอ๊อฟเอง
ทั้งนี้ จะว่าไปแล้วเรื่อง ‘การไหว้’ นับเป็นวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ซึ่งได้รับการปลูกฝังมานานแต่ครั้งอดีต ใช้ในการทักทาย อันแสดงถึงความมีสัมมาคารวะและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ว่าบุคคลที่เรายกมือไหว้จะสูง ต่ำ ดำ ขาว ก็ตาม ยิ่งเป็นเด็กด้วยแล้ว ให้ไหว้ไปเถอะ จะได้น่ารักเอ็นดู
สอดคล้องกับงานเขียนของ ศ.ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต ซึ่งนำ-ข้อความตอนหนึ่งมาเผยแพร่ในเว็บไซต์กรมส่งเสริมวัฒนธรรมว่า คนไทยเป็นคนที่มีอุปนิสัยอ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ การไหว้เป็นการแสดงความมีสัมมาคารวะอย่างหนึ่ง และเป็นธรรมเนียมการทักทายและแสดงความเคารพ
...ในภาษาไทยมีคำกล่าวถึงผู้มีสัมมาคารวะและได้รับการอบรมมรรยาทให้รู้จักไหว้ว่า รู้จัก ‘ไปมาลาไหว้’ หมายความว่า เมื่อมาถึงก็ไหว้ เมื่อจะไปก็ลา
ทว่า จากข้อความที่อ๊อฟโพสต์ลงในอินสตาแกรมนั้นชี้ชวนให้เห็นภาพชัดว่า ดารานักแสดงปริศนามิได้ไปมาลาไหว้กับทุกคน หากอ้างว่า เร่งรีบหรือมือถือสัมภาระจนไม่สามารถวางลงได้ เพียงแค่รอยยิ้มหรือแววตาหวานก็ถือเป็นคำทักทายอันแสดงถึงความเคารพอย่างหนึ่งแล้ว
ยิ่งในวงการบันเทิงด้วยแล้ว ‘การไหว้’ ยิ่งมีความสำคัญมาก เพราะนอกจากเป็นคำทักทาย ยังเป็นการฝากเนื้อฝากตัว สร้างความสนิทสนม เพื่อให้การทำงานร่วมกันต่อไปง่ายขึ้น อย่าลืมว่าเราไม่ได้ทำงานร่วมกันแค่วันเดียวหรือสองวัน แต่การถ่ายทำละคร ละครเวที หรือรายการนั้น ต้องใช้เวลานับเดือน
สำหรับดารานักแสดงคนที่โดนตำหนินั้น หากใครเจอเชื่อว่าต้องส่ายหัวหรือเบื่อหน่ายให้กับพฤติกรรมแย่ ๆ เพราะไม่ทันโด่งดังก็เป็นวัวลืมตีน แบ่งสีแบ่งพวก ชนชั้นวรรณะ หรือเชิดหน้ายิ่งกว่าซุปตาร์ชนิดไม่เห็นหัวหงอกหัวดำอย่างที่อ๊อฟเขียนไว้ ก็เห็นสมควรใช้ไม้แข็งดัดหลังเสียให้เข็ด
สุภาษิตไทยบอกว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล แต่ดูเหมือนเด็กรุ่นใหม่บางคนไม่เห็นความสำคัญ ถ้าเป็นเช่นนี้จริงคิดว่า สถาบันครอบครัวของไทยคงย่ำแย่เต็มที ทั้งที่มีความสำคัญมาก หากพ่อแม่ไม่หมั่นอบรมสั่งสอนให้บุตรหลานไปมาลาไหว้ เอาแต่อ้างว่าไม่มีเวลา เพราะวัน ๆ เฝ้าหาเงินหวังร่ำรวย จนลืมหันกลับมามองข้างหลัง สักวันหนึ่งจะเกิดปัญหา
จะรู้สึกหงุดหงิดใจทุกครั้งที่ได้ยินพ่อแม่บอกลูกโตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงว่า ไหว้น้าสิลูก...ไหว้อาสิลูก
คำถามเกิดขึ้นในใจทันที “เรื่องแค่นี้ทำไมต้องบอก ทำอย่างกับเด็กสามขวบ”
แล้วพบกันทุกวันอาทิตย์ .
