พร่องจนแล้ง! อธิบดีกรมชลฯแฉการเมืองสั่ง
กรมชลฯ ตบะแตกโดนอัดบริหารน้ำไร้สติจนแห้งขอด แฉการเมืองสั่งปล่อยเหตุกลัวน้ำท่วม
นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำใน 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่มีปริมาณน้ำใช้การได้เหลือแค่ 1,100 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือมีน้ำใช้ได้ 30 วัน เพราะมีการสั่งการจากฝ่ายการเมือง โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กนย.) สั่งการให้กรมชลฯ ระบายน้ำในเขื่อนทุกเขื่อนลงเหลือ 45% ของความจุเขื่อน เพราะเกรงจะเกิดน้ำท่วมซ้ำรอยปี 2554
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่ระบายออกในขณะนั้นรวม 1.4 หมื่นล้าน ลบ.ม. จนปริมาณน้ำสะสมของอ่างเก็บน้ำเหลือน้อย ขณะที่กรมชลฯ ได้พยายามทัดทานและประวิงเวลาการระบายน้ำมาโดยตลอด เพราะเห็นว่าการระบายน้ำต้องทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำท้ายเขื่อน
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดฝ่ายการเมืองได้ยอมรับฟังเหตุผลให้หยุดการระบายน้ำจากเขื่อนได้ แต่ได้มีการระบายออกไปจำนวนมากแล้ว และถือเป็นปริมาณน้ำที่ระบายออกที่มากที่สุดในรอบ 15 ปี
นอกจากนี้ โครงการจำนำข้าวยังทำให้มีการปลูกข้าวกันจำนวนมาก โดยนาปรังบางปีมากถึง 15 ล้านไร่ จากปกติ 5-6 ล้านไร่ แม้กระทั่งนาปรังปี 2557-2558 ซึ่งมีน้ำต้นทุนเหลือน้อย ได้พยายามขอให้ลดการทำนาปรัง เพราะมีน้ำส่งแค่ 2 ล้านไร่ ก็ยังมีการทำนาปรังกว่า 6 ล้านไร่ จนกระทบปริมาณน้ำต้นทุนต่อเนื่อง
แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในปี 2555 ที่ประชุม กนย.ได้กดดันให้กรมชลฯ ปรับเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำต่ำสุดไว้ที่ 45% จากที่ผ่านมาไม่เคยมีการตั้งเกณฑ์ไว้ต่ำถึงขนาดนี้ และมีการคุมไว้ที่ระดับ 55% ใน 2 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ แต่ กนย.ให้ปรับลงมาให้ต่ำกว่านั้นจึงเหลือ 45%
นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากแบบจำลองคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนและน้ำในเขื่อนตลอดหน้าฝนนี้ คาดว่าสิ้นฤดูฝนจะเหลือน้ำใช้ในฤดูแล้งช่วงเดือน พ.ย. 2558-เม.ย. 2559 แค่ 200-1,360 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าตึงตัวมากสำหรับน้ำดื่มที่จะต้องมีอย่างน้อย 1,200 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งอาจจะต้องงดส่งน้ำทำนาปรังด้วย
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าหากมีการเลื่อนการปลูกข้าวในลุ่มน้ำเจ้าพระยาออกไปถึงสิ้นเดือน ก.ค. 2558 จะทำให้เกษตรกรสูญเสียรายได้กว่า 6 หมื่นล้านบาท และหากลากยาวไปกว่านั้นจะสูญเสียรายได้อีก 6 หมื่นล้านบาท และประเมินว่าผลจากภาวะแล้งจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภาคเกษตรในปี 2558 ลดลงมาอยู่ที่ 1.4% จากที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5-3%
ขอบคุณข่าวจาก

