กรมชลฯเผยปริมาณน้ำเขื่อนหลักเหลือใช้เพียง30วัน
กรมชลฯเผยปริมาณน้ำเขื่อนหลักวิกฤติเหลือใช้เพียง30วัน ขอลดการปล่อยน้ำเพื่อคงไว้ใช้ถึงเดือนส.ค.
วันนี้ (25 มิ.ย. 58) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งหมด ปัจจุบันมีน้ำอยู่ 1,067 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 6 ของปริมาณน้ำทั้งหมด จากเดิมระบายน้ำวันละ 33 ล้านลูกบาศก์เมตร จะมีการใช้น้ำเพื่อทำการเกษตรเพียง 32 วัน หรือประมาณเดือนก.ค. จึงปรับลดการส่งน้ำเหลือวันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้มีน้ำใช้ได้ถึงเดือนส.ค.ที่น่าจะมีฝนตก และมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ
ขณะที่ผลการประชุมของคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ร่วมกันประชุมรับมือภัยแล้งที่ห้องศูนย์ประมวลและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เนื่องจากจำเป็นต้องวางแผนจัดสรรน้ำใหม่ไปจนถึงการประเมินสถานการณ์ฝนในช่วง 30-45 วัน
นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติจะลดการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักคือเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์นี้ เนื่องจากปริมาณฝนในปีนี้มีน้อยกว่าค่าเฉลี่ยเดิมถึงร้อยละ 50 ทำให้ประชาชนและเกษตรกรต้องพึ่งพาน้ำจากเขื่อนเป็นหลัก จึงเป็นเหตุผลที่กรมชลประทานจำเป็นต้องควบคุมน้ำ เพื่อให้มีใช้ไปอย่างน้อย 30 วัน
ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ล่าสุดเหลือปริมาณน้ำเพียง 73 ล้านลูกบาศกืเมตร ซึ่งคาดว่าจะเหลือน้ำใช้ได้อีกประมาณ 20 วัน จึงได้ลดการระบายน้ำลงเพื่อประคับประคองให้ใช้น้ำให้ได้นานที่สุด หากน้ำในเขื่อนหมดจะกระทบหลายพื้นที่ที่ใช้น้ำอุปโภค บริโภค ทำการเกษตร และการไล่น้ำเสียและน้ำเค็ม อีกทั้งจะขาดแคลนน้ำตั้งแต่จ.ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ส่วนเขื่อนสิริกิติ์วิกฤติเหลือน้ำเพียง 8%
ขณะที่เมื่อวานนี้นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยจะเร่งปฏิบัติการเติมน้ำในเขื่อนต่างๆ ในภาคเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนที่สำคัญของการชลประทานในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ด้านนางสาวหนึ่งหทัย ตันติพลับทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ยอมรับว่า ภัยแล้งปีนี้เร็วและหนักกว่าปีที่แล้ว ซึ่งพบว่า 7 เขื่อนของภาคเหนือมีน้ำไม่ถึงร้อยละ 30 ดังนั้นจะมีการปรับแผนบินปฏิบัติการฝนหลวง เพราะอากาศซึ่งร้อนมากทำให้เมฆก่อตัวได้ยากจึงต้องขยายเวลาบินปฏิบัติการฝนหลวงไปจนถึงเวลา 18.00 น. เพื่อให้ฝนตกในพื้นที่เป้าหมาย
ส่วนที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมีมติเห็นชอบ 4 มาตรการในการแก้ปัญหาภัยแล้ง อาทิ การเลื่อนเพาะปลูกข้าวนาปี ไปเป็นเดือนก.ค.-ถึงส.ค. การปรับเปลี่ยนพืชเพาะปลูกเป็นพืชที่อายุสั้นและใช้น้ำน้อย การพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสำหรับกลุ่มที่เลื่อนการเพาะปลูกออกไป
นอกจากนี้จะใช้งบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 84 ล้านบาท เร่งขุดบ่อบาดาล จำนวน 880 บ่อ ในพื้นที่ 22 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 130,000 ไร่
ขอบคุณข่าวจาก