ก.ล.ต. กล่าวโทษกรรมการและผู้บริหาร GSTEL-GJS กรณีจัดงบการเงินเท็จ
ก.ล.ต. กล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (GSTEL) และบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (GJS) ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีกระทำหรือยินยอมให้มีการจัดทำบัญชีและงบการเงินของ GSTEL และ GJS ไม่ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริง โดยลงบัญชีเท็จเกี่ยวกับการบันทึกเจ้าหนี้ต่างประเทศค่าซื้อวัตถุดิบต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อลวงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลประกอบการที่แท้จริงของบริษัท บุคคลที่ถูกกล่าวโทษ ประกอบด้วย (1) นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการและผู้บริหาร GSTEL และกรรมการ GJS (2) นางสาวกรรณิการ์ สร้อยคีรี ผู้บริหาร GSTEL (3) นายนกุล สกุลโชติกโรจน์ ผู้บริหาร GSTEL และ (4) นายชนาธิป ไตรวุฒิ กรรมการและผู้บริหาร GJS

ก.ล.ต. ตรวจสอบพบว่าในช่วงต้นปี 2551 GSTEL และบริษัทลูกคือ GJS ได้สั่งซื้อเหล็กล่วงหน้าในปริมาณมากจากผู้ขายต่างประเทศหลายรายในราคาตลาด ณ เวลานั้น ต่อมาราคาเหล็กในตลาดปรับตัวลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ GSTEL และ GJS ต้องรับรู้ผลขาดทุนสูงมาก เนื่องจากราคาต้นทุนการผลิตสูง ในขณะที่ขายสินค้าในราคาตลาดที่ต่ำกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการรับรู้ผลขาดทุนดังกล่าว บุคคลทั้ง 4 รายข้างต้น ได้สั่งการหรือยินยอมหรือสนับสนุนให้มีการบันทึกยอดเจ้าหนี้ค่าเหล็กต่ำกว่าภาระหนี้จริงที่มีต่อผู้ขายต่างประเทศ กรณี GSTEL พบการบันทึกยอดเจ้าหนี้ต่ำกว่าความเป็นจริง 85 ล้านบาท งวดปี 2551 1,144 ล้านบาท งวดไตรมาส 1/2552 2,131 ล้านบาท งวดไตรมาส 2/2552 2,072 ล้านบาท งวดไตรมาส 3/2552 และ 1,987 ล้านบาท งวดปี 2552 ตามลำดับ ส่วนกรณี GJS พบการบันทึกยอดเจ้าหนี้ต่ำกว่าความเป็นจริง 378 ล้านบาท งวดไตรมาส 1/2552 800 ล้านบาท งวดไตรมาส 2/2552 1,010 ล้านบาท งวดไตรมาส 3/2552 และ 1,023 ล้านบาท งวดปี 2552 ตามลำดับ
บุคคลทั้ง 4 รายกระทำการเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 312 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการถูกกล่าวโทษมีผลให้เข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน จึงไม่อาจดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวได้ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นอำนาจและดุลพินิจของศาลยุติธรรม
