'กิตติรัตน์' ปัดข้อเสนอ ชะลอประชานิยม นำเงินช่วยน้ำท่วม
รองนายกฯ นั่งประชุมหัวโต๊ะ ออกมาตรการช่วยผู้ประสบภัย เกษตกร ผู้ประกอบการ แรงงาน รับอุทกภัยที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรง ให้การบ้านคลังไปศึกษากู้เงินเพื่อมาฟื้นฟู-กระตุ้นเศรษฐกิจ
วันนี้ (17 ต.ค. 54) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 4018 ท่าอากาศยานดอนเมือง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านเศรษฐกิจ) ครั้งที่ 1/2554 โดยมีรัฐมนตรี และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ภายหลังการประชุมนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายธีระชัยภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าว
นายกิตติรัตน์ กล่าวถึงอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างรุนแรง ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายออกมาเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน เนื่องจากยังมีอุทกภัยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องติดตามประเมินความเสียหายอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ไม่ว่าผลกระทบจากอุทกภัยจะรุนแรงแค่ไหน เชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับคืนมาสู่สภาพเดิมได้ ซึ่งต้องรอการประเมินสรุปผลกระทบความเสียหายก่อน
สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการฟื้นฟู ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 80,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลได้ประกาศไว้แล้วนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ต้องรอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งในเบื้องต้นรัฐบาลได้จัดทำแผนการใช้งบประมาณไว้แล้ว ซึ่งถ้าจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อมาฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจอีก รัฐบาลก็พร้อมจะกู้เงินเพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยจะให้กระทวงการคลังไปศึกษาถึงวิธีการดำเนินการต่อไป
กรณีที่ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาลชะลอการดำเนินโครงการที่เป็นประชานิยม ช่วยน้ำท่วมนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการที่รัฐบาลได้ประกาศดำเนินการไปแล้ว ทุกโครงการเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจำเป็นต้องเดินหน้าทำต่อไป เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งโครงการต่าง ๆ เหล่านั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไร และไม่จำเป็นต้องใช้เงินในการดำเนินโครงการทันที
ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ผลกระทบอุทกภัยต่อ GDP จากการประเมินของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 1 - 1.7 ทั้งนี้ตัวเลขผลกระทบยังไม่ชัดเจนซึ่งอุทกภัยยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่ถ้าเร่งดำเนินการซ่อมแซมความเสียหาย เร่งฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจความเสียหายจาก GDP ที่ประเมินไว้ก็จะลดลง แต่จะอยู่ระหว่างร้อยละ 1 - 1.7
“ในเบื้องต้นในที่ประชุมได้กำหนดมาตรการการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแบ่งออกเป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชน มาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อช่วยเหลือเกษตรกร มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และมาตรการช่วยเหลือแรงงาน ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ กลับไปพิจารณาในรายละเอียดและนำกลับมาเสนอให้ที่ประชุมได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง”
ส่วนนายประสาร กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูและสภาพคล่องทางการเงินให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ซึ่งจากการสำรวจจำนวนสินเชื่อที่ค้างชำระกับธนาคารพาณิชย์ของไทย และต่างประเทศ มีจำนวนประมาณ 60,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.75% ของสินเชื่อทั้งระบบ และอยู่ในสถานะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรองรับได้ นอกจากนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประสานขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เพื่อให้ลดหย่อน ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ และดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งภายหลังน้ำลดจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อเพื่อการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการ และสินเชื่อสำหรับผู้ประสบอุทกภัยต่อไป
ด้านนายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวถึงการดำเนินโครงการ "เพื่อนช่วยเพื่อน" ว่า เป็นโครงการที่กลุ่มผู้ประกอบการมีที่ลักษณะการดำเนินงานเหมือนกัน หรือคล้าย ๆ กัน สามารถใช้แรงงานกลุ่มเดียวกันได้ไปทำงานในโรงงานที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยจะมีการจ่ายเงิน และให้สวัสดิการเหมือนเดิมทุกอย่างเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงาน สำหรับผู้ใช้แรงงานที่ตกงานไม่มีงานรองรับจะดำเนินโครงการฝึกอบรมทักษะ ให้ความรู้วิชาชีพต่าง ๆ เพื่อนำอาชีพไปประกอบอาชีพต่อไป ทั้งนี้ จะจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ผู้ที่เข้ารับการอบรมตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง
“กรณีการฟื้นฟู ซ่อมแซมเครื่องจักรกลเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ผู้เชี่ยวชาญมาทำการซ่อมแซมเครื่องจักรดังกล่าว นอกจากนั้นจะได้ประสานกรมอาชีวศึกษาเพื่อนำนักศึกษาที่มีความรู้สามารถซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องจักรในเบื้องต้นได้ ทำการซ่อมแซมให้กับโรงงานต่าง ๆ”
