คปก.ชงออกกฎหมายสิ่งแวดล้อมกลาง เน้นโปร่งใส-หนุนปชช.มีส่วนร่วม
คปก.เสนอแนวทางแก้ไขกฎหมายสิ่งแวดล้อม สร้างหลักกฎหมายกลางพร้อมกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมขั้นต่ำ ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) โดย นาย คณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย จัดทำบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่อง แผนการให้มีกฎหมายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2558 โดยคปก.มีความเห็นว่า พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 บังคับใช้มาเป็นเวลา 27 ปีแล้ว ซึ่งบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ-สังคม รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงและความซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้ไม่สามารถนำกฎหมายดังกล่าวมาใช้ในการบริหารจัดการวิกฤติทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติและภาวะโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คปก.จึงเสนอแนะให้มีการปรับปรุงแก้ไขพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ให้เป็นกฎหมายกลาง โดยคปก.ได้จัดทำร่างพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.... อันมีหลักการสำคัญคือ จะต้องให้การรับรองสิทธิของบุคคลหรือชุมชนในการดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างสมดุลและยั่งยืน เช่น สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล สิทธิในการร้องเรียน สิทธิในการรวมตัวกันเป็นองค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เป็นต้น
ด้านการจัดโครงสร้างและกลไกการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม คปก.เสนอแนะให้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยกำหนดให้มีการกระจายอำนาจไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงวางแนวทางโดยกำหนดโครงสร้างกลไกดังกล่าวแบ่งออกเป็น คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เป็นคณะกรรมการระดับชาติ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมโดยรวมของประเทศ และคณะกรรมการควบคุมมลพิษ (กก.คพ.) เป็นคณะกรรมการวิชาการ ทำหน้าที่กำหนดรายละเอียดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งองค์ประกอบของกลไกทั้งสองรูปแบบนี้คปก.กำหนดให้เพิ่มองค์ประกอบตัวแทนชุมชน ท้องถิ่น ภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ
นอกจากนี้ คปก.ยังได้เสนอให้มีการกำหนดเรื่องกองทุนสิ่งแวดล้อมให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยเป็นหน่วยงานของรัฐที่มิได้เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างอิสระและเป็นกลาง
สำหรับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น คปก.เสนอให้แบ่งเป็นการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) โดยกำหนดให้สำนักงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจดังกล่าว
ด้านบทบัญญัติการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม คปก.ได้เสนอให้มีการปรับปรุงเรื่องการกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้สามารถกำหนดให้แตกต่างกันตามสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติจะต้องทบทวนมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้อย่างน้อยทุก 5 ปี
ทั้งนี้ คปก.ได้เสนอเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับมาตรการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษในการตรวจมลพิษในสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพของประชาชน โดยกำหนดให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษมีอำนาจดำเนินมาตรการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม โดยคงไว้ซึ่งหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย กล่าวคือ เจ้าของกิจการหรือแหล่งกำเนิดมลพิษจะต้องเป็นผู้ดำเนินการและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้ คปก.ยังได้เสนอให้นำเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ที่จำเป็นมาใช้เป็นมาตรการในการส่งเสริมการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นด้วย