ภาคธุรกิจกดดันรัฐบาลชง'พรก.ฉุกเฉิน'แก้วิกฤติ
ส.อ.ท.เสนอใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพิ่มอำนาจรัฐจัดการปัญหาพื้นที่น้ำท่วม หลังประชาชนหลายพื้นที่ก่อความวุ่นวาย พังคันดินกั้นน้ำ เชื่อตปท.เข้าใจ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมวานนี้ (19 ต.ค.) ว่า ได้รับฟังความเห็นของโรงงานที่ถูกน้ำท่วมทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเอกชนได้เสนอขอให้รัฐบาล หามาตรการป้องกันนิคมฯ ที่เหลือ ส่วนข้อเสนอที่เป็นอำนาจของหน่วยงานอื่นตนจะเสนอ ครม.พิจารณาวันที่ 25 ต.ค.นี้ เช่น การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน การยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบมาทดแทนโรงงานที่ถูกน้ำท่วม
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การปล่อยน้ำไปฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ขอให้ดูให้รอบคอบเพราะถ้าปล่อยออกมาสูงมากจะทำให้ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ แต่หากปล่อยให้ฝั่งตะวันออกน้ำท่วมสูง 1 เมตร ก็จะส่งผลกระทบกับประชาชน ขณะนี้ตอบไม่ได้ว่านิคมฯ ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ จะเจอน้ำท่วมหรือไม่ แต่ต้องการให้รัฐดูแลเพื่อไม่ให้นิคมฯ ทั้ง 8 แห่ง คือ ลาดกระบัง บางชัน อัญธานี บางพลี บางปู เกตเวย์ เวลโกรว์ และทีเอฟดี
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่จบ และต้องใช้เวลานานในการฟื้นฟู ในเรื่องนี้ ส.อ.ท.ต้องการให้รัฐบาลออกประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเป็นแนวคิดหนึ่งที่รัฐบาลควรพิจารณา เพื่อให้การแก้ปัญหามีความรวดเร็วและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เอกชนเสนอออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแก้น้ำท่วม นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการ ส.อ.ท. กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันมวลชนก่อความวุ่นวาย หรือพังคันดิน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือที่ดี และทำให้รัฐบาลได้ทำงานอย่างเด็ดขาด "เอกชนต้องการให้รัฐบาลทำงานให้เด็ดขาดมากกว่านี้ การตัดสินใจและการแก้ปัญหารวดเร็วขึ้น เชื่อว่านักธุรกิจต่างชาติจะไม่กังวลกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะไม่ได้ใช้ปราบจลาจลแต่ใช้เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมให้มีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาหน่วยงานที่ดูแลการปล่อยน้ำไม่สามารถสั่งการอะไรได้"
นอกจากนี้ ส.อ.ท.ต้องการให้รัฐบาลเร่งฟื้นฟูโรงงานที่ถูกน้ำท่วม และตั้งกองทุนฟื้นฟูโรงงานวงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อให้ธนาคารรัฐปล่อยกู้ให้โรงงาน ไม่จำกัดวงเงินและผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ รวมทั้งขอให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ขยายสิทธิประโยชน์ให้กับนักลงทุน และต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ช่วยเหลือในการเรียกสินไหมทดแทนให้เร็ว และเข้าไปแก้ข้อพิพาทระหว่างโรงงานกับบริษัทประกัน
นอกจากนี้ ต้องการให้รัฐบาลชะลอการขึ้นค่าจ้าง ตามที่คณะกรรมการค่าจ้างกลาง (ไตรภาคี) ได้อนุมัติให้ขึ้น 40% มีผลวันที่ 1 เม.ย. 2555 ออกไปเป็นเดือน ม.ค.2556 เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาเพิ่มขึ้น 8 เดือน และช่วยบรรเทาผลกระทบมากขึ้น ที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วม

