สปช.ชง 3 แนวทางปฏิรูปการเงินลดความเหลื่อมล้ำ
กมธ.ปฏิรูปเศรษฐกิจ สปช. มั่นใจ 3 แนวทางปฏิรูปการเงิน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ-วางฐานการพัฒนาที่สมดุล พร้อมสร้างอนาคตของคนในชาติ
เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่รัฐสภา นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯได้นำเสนอวาระการปฏิรูปที่ 13 การปฏิรูปการเงินฐานรากและสหกรณ์ออมทรัพย์ (รอบ 2) ซึ่งที่ประชุมสปช.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 29 ก.ค.2558 พร้อมส่งรายงานและร่างกฎหมายให้ครม.พิจารณาต่อไป โดยมี 3 ประเด็นหลักคือ 1.การปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์และเครดิตยูเนียน 2.แนวทางให้ความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน 3.การปฏิรูปการเงินฐานราก
นายสมชัย กล่าวอีกว่า เรื่องการปฏิรูปสหกรณ์ออมทรัพย์และเครดิตยูเนียน มีความสำคัญมาก เนื่องจากสหกรณ์ฯได้เป็นหลักสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มของสมาชิกในการดูแลซึ่งกันและกัน และช่วยให้บริการทางการเงินแก่สมาชิก ซึ่งกลุ่มสหกรณ์ฯ ได้ขยายกิจการขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่มีบางแห่งที่ประสบปัญหาในการดำเนินการ จึงต้องจัดตั้งองค์กรมากำกับดูแล เพื่อสร้างความมั่นคงยั่งยืนซึ่งจะช่วยให้สหกรณ์ฯเป็นที่พึ่งทางการเงินให้กับสมาชิก ส่วนการให้ความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะคนไทยจำนวนมากยังขาดความรู้ทางการเงิน และไม่สามารถบริหารการเงินส่วนบุคคลและครอบครัวได้ จึงต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ทางการเงินด้วยการกำหนดให้เรื่องนี้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งจัดตั้ง “สถาบันส่งเสริมความรู้ทางการเงินแห่งชาติ” เพื่อเป็นหน่วยงานกลางวางยุทธศาสตร์ด้านดังกล่าวและดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาทางการเงินต่างๆของประชาชนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมาธิการ กล่าวว่า การปฏิรูปการเงินฐานรากจะช่วยยกระดับให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองและชนบทในการเข้าถึงแหล่งการออมและแหล่งทุน ที่จะนำมาใช้ในการสร้างอาชีพ นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ ส่วนร่างพ.ร.บ.การเงินระดับฐานราก พ.ศ. ... มีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะจัดตั้ง คณะกรรมการพัฒนาระบบการเงิน ระดับฐานรากภายใต้กระทรวงการคลัง เพื่อจัดทำและขับเคลื่อนแผนแม่บทและกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการเงินระดับฐานรากของประเทศ รวมทั้งสร้างโครงข่ายการเงินระดับฐานราก เพื่อยกระดับสถาบันการเงินชุมชนหรือกลุ่มออมทรัพย์ที่มีศักยภาพสูงเป็นลูกข่ายที่เป็นนิติบุคคล รวมทั้งพัฒนามาตรฐานการบัญชี การบริหารความเสี่ยง และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของลูกข่าย ร่วมกับภาคี อีกทั้งจัดสรรผลกำไรจากโครงข่ายเข้าสู่กองทุนพัฒนาระบบการเงินระดับฐานรากมาใช้ในการดำเนินการ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อรัฐ ตลอดจนสร้างกลไกกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงินระยะยาวผ่านการตรวจสอบของแม่ข่าย.“
ขอบคุณข่าวจาก