โหวต ร่างรธน.ระทึก เช็คเสียง “หนุน-ต้าน” โค้งสุดท้ายคะแนนพลิก ?
สารที่ถูกส่งต่อ สื่อสารกันของเหล่าบรรดาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ผ่านการพูดคุยสนทนากันแบบต่อตัวตัวหรือวงสนทนาทั้งวงเล็กและวงใหญ่ตามสถานที่ต่างๆ อาทิ วงกาแฟในร้านอาหารหรือ ที่บ้านพักสปช.ระดับแกนนำ ไปจนถึงการนัดพบปะทั้งกลางวันและกลางคืนของสปช. ณ โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพมหานครอย่างโรงแรมดุสิตธานี หรือในห้องอาหาร ของ สนามม้าฯ บางแห่ง ตลอดจนการสื่อสารผ่านไลน์และเฟสบุ๊คในช่วง5-6 วันสุดท้าย ก่อนการประชุมสปช.เพื่อลงมติ ”เห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวันอาทิตย์ที่ 6 ก.ย.นี้ มีข่าวว่าเป็นไปอย่างคึกคักยิ่ง
ภายใต้หัวข้อหลักหัวข้อเดียวที่คุยกันยามนี้ก็คือการให้คู่สนทนาประเมินกันว่า มติสปช.จะออกมาแบบไหนจะรับหรือไม่รับร่างรธน. ?
ถ้าบทสนทนาของสปช.ที่คุยกันบอกว่าร่างรธน.จะผ่านสปช. ประเด็นที่สองที่คุยกันคือ แล้วในการโหวตคำถามพ่วงประชามติร่างรธน.ของสปช.ที่จะโหวตกันหลังรู้มติสปช.ที่รับร่างรธน. จะเอาอย่างไร จะเอาคำถามของไพบูลย์ นิติตะวัน สปช.-กรรมาธิการยกร่างรธน.ที่ให้ถามประชาชนว่า เห็นด้วยกับการให้ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ที่จะต้องมีการขยายการเลือกตั้งออกไปอีก 2 ปีหลังรธน.ประกาศใช้ หรือจะเอาคำถามของ เอนก เหล่าธรรมทัศน์และประสาร มฤคพิทักษ์ ที่ให้ถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการให้มีกลไกลดความขัดแย้งและสร้างความปรองดองทางการเมืองด้วยการให้มีรัฐบาลปรองดองเพื่อการปฏิรูปหลังการเลือกตั้ง ภายใต้สูตรคือ ให้มีรัฐบาลผสมขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เสียงส.ส.ในสภาฯ อย่างน้อย 4 ใน 5 เพื่อตั้งรัฐบาล
กระแสข่าวลือในกลุ่มสปช.ในช่วงก่อนเข้าโค้งสุดท้ายวันลงมติ 6 ก.ย. อ้างว่า ยังประเมินได้ยากว่า สปช.จะโหวตเลือกคำถามไหน แม้จะมีกระแสข่าวว่า มีแนวโน้มที่สปช.จะโหวตเอากับคำถามของ เอนกมากกว่า ของไพบูลย์ เพราะดูแล้วน่าจะมีแรงต้านน้อยกว่า เพราะหากให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 2 ปี คงไม่เป็นผลดีต่อประเทศในระยะยาว โดยเฉพาะจะเกิดแรงต้านคสช.ทั้งในและต่างประเทศสูงแน่นอน อีกทั้งเป็นคำถามที่หากสปช.ส่งไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ก็มีโอกาสที่ครม.อาจอ้างว่า ตัวเอง มีส่วนได้ส่วนเสียกับคำถามนี้ เลยไม่ส่งไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทำประชามติตามที่รธน.ฉบับชั่วคราวให้อำนาจครม.ในการไม่เห็นชอบคำถามจากสปช.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็ได้
แต่หากการประชุมสปช.ไปถึงขั้นตอนนี้จริง คงต้องให้ทั้ง “ไพบูลย์-ดร.เอนก” ลุกขึ้นชี้แจงที่มาที่ไป ข้อดีข้อเสียของคำถามที่ชงมาให้สปช.โหวต และคาดว่าคงมีการลุกขึ้นอภิปรายกันอย่างหลากหลายของสปช.กองหนุนทั้งฝั่งนายไพบูลย์และดร.เอนก เพื่อโน้มน้าวใจสมาชิกสปช.ให้โหวตเห็นชอบตามที่กลุ่มตัวเองต้องการ ท่ามกลางข่าวลือว่า ให้จับตาดู อาจเป็นไปได้ที่ฝั่งนายไพบูลย์อาจถอนญัตติคำถามดังกล่าว เพื่อเปิดทางให้เหลือแค่คำถามของดร.เอนก เพียงคำถามเดียวก็เป็นได้ แต่ก็ยังไม่มีใครยืนยันกระแสข่าวนี้
ซึ่งลำดับแรก ต้องดูก่อนว่า สปช.จะโหวตให้ความเห็นชอบร่างรธน.หรือไม่ ถ้าเห็นชอบ จากนั้นถึงค่อยไปลุ้นกันต่อไปว่า สปช.จะส่งคำถามพ่วงประชามติอย่างไรไปให้ครม.พิจารณา
ท่ามกลางกระแสข่าวที่ “ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบกับสปช.หลายสาย เพื่อหยั่งเสียงว่าแนวโน้มสปช.จะลงมติแบบไหน หลังปรากฏว่าตลอดช่วงกลางสัปดาห์นี้ ความมั่นอกมั่นใจของสปช. ”กลุ่มจ้องคว่ำร่างรธน.” ดูจะมีมากขึ้นทุกที ตามจังหวะการนับถอยหลังรอวันโหวตร่างรธน. ที่ฝั่งนี้ มั่นอกมั่นใจว่า เสียงสปช.ไม่รับร่างรธน. ขยับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เป็นการขยับชนิด สปช.ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงการเมือง-นักวิชาการ –นักเคลื่อนไหวการเมือง รุ่นใหญ่หลายคน ถึงกับกล้าบอกตัวเลขแบบไม่กลัวหน้าแตกว่า เสียงสปช.ที่ไม่เอาร่างรธน.ตีตื้นขึ้นมาเรื่อย ๆ จากเดิมที่มีการประเมินว่า กลุ่มนี้มีแค่ประมาณ 20-40 เสียง และส่วนใหญ่อยู่ในคณะกมธ.ปฏิรูปการเมือง ที่มีดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธานกับคณะกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่มีเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน ที่นอกจากสองคนนี้ก็ยังมีอาทิเช่น วันชัย สอนศิริ-ดิเรก ถึงฝั่ง-นิรันดร์ พันทรกิจ –นิมิต สิทธิไตรย์-บุญเลิศ คชายุทธเดช โดยบางรายถึงกับบอกว่าเสียงน่าจะคู่คี่สูสีกันแล้วระหว่าง ฝ่ายรับกับไม่รับร่างรธน.
ฮือฮาสุดคงไม่พ้น “อมร วาณิชวิวัฒน์ - สปช.และอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ“ ที่อ้างว่า จากนัดพบปะกันของสปช. ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองประมาณ 10 กว่าคน ที่โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่การนัดเพื่อนับเสียง หรือล็อบบี้เเต่อย่างใด
“ประเมินกันว่าเสียงโหวตน่าจะสูสี คู่คี่ เสียงไม่รับร่างอาจจะเกือบ 130 เสียงด้วยซ้ำไป เพราะล่าสุด สปช.สายปกครอง สายต่างจังหวัดบางส่วน เริ่มหันมาเทคะแนนทางไม่รับร่างมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
จากทิศทางข่าวที่ว่าเริ่มมีสปช.จะโหวตไม่รับร่างรธน.ในจำนวนที่มากกว่าเดิมที่หลายคนในสปช.เคยประเมินไว้ว่าน่าจะมีแค่ไม่เกิน 50 เสียง
มีการตรวจสอบสาเหตุการเพิ่มขึ้นดังกล่าวแล้วพบว่า ประเด็นหนึ่งที่มีน้ำหนักพอสมควรซึ่งทำให้สปช.เริ่มไม่อยากให้ร่างรธน.ผ่าน ก็คือ เกรงจะเกิด ”ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง” ในช่วงการรณรงค์ประชามติร่างรธน. ระหว่างฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านร่างรธน. หลังเห็นท่าทีฝ่ายนปช.ยืนยันต้องทำทุกอย่างเพื่อคว่ำร่างรธน.ให้ได้ ขณะที่กปปส.และหนุนร่างรธน.และคสช. ก็ประกาศพร้อมจะหนุนร่างรธน.เต็มที่ สปช.บางส่วน จึงเกรงว่าอาจทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาอีก รวมถึงปัจจัยที่ว่า ดูแล้วสองพรรคใหญ่คือประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย หากจับมือกันไม่รับร่างรธน.ก็มีโอกาสสูงที่การเข็นให้ร่างรธน.ผ่านประชามติ คงทำได้ยาก มีแนวโน้มร่างอาจไม่ผ่านประชามติ เสียเงินไป 3 พันกว่าล้านบาท สปช.ก็สู้คว่ำร่างไปเลยเสียดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่อง ข้อเป็นห่วงของสปช.ที่ว่าเกรงจะเกิดการเผชิญหน้ากันทางการเมืองของฝ่ายหนุนกับฝายต้านร่างรธน.นั้น ก็มีข่าวว่า กมธ.ยกร่างรธน.บางคนเมื่อมีสปช.นำประเด็นนี้มาหารือเป็นการส่วนตัวว่า กมธ.ยกร่างรธน.ก็พยายามให้เหตุผลอธิบายว่า ไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังไง คสช.ก็คุมสถานการณ์อยู่ และคงไม่เปิดพื้นที่ให้มีการเผชิญหน้ากันได้
ดูสภาพที่ปรากฏ กระแสข่าวลือต่าง ๆ ก่อนวันโหวตของสปช.ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ทำให้ภาพสปช.ฝุ่นตลบพอสมควร
แต่ก็เชื่อว่าถึงแค่ช่วงวันเสาร์ ทุกอย่างน่าจะนิ่ง หากหยั่งเสียง กันแล้ว เสียงสปช.จะออกมาแบบไหน ก็น่าจะเป็นแบบนั้น คงยากจะล็อบบี้อะไรกันได้เพราะเรื่องแบบนี้ มันเปลี่ยนใจกันข้ามคืนเพื่อให้เปลี่ยนการลงมติกันได้ยาก บนน้ำหนักที่คนในและคนนอกสภาปฏิรูปฯยังเชื่อว่าสปช.จะโหวตผ่านร่างรธน. แต่คะแนนเสียงคงไม่ขาดลอยแบบที่เคยประเมินกันตอนแรกว่าจะแตะที่ขั้นต่ำระดับ 220 เสียง
ลือ น้องวิษณุ โต้ผ่านไลน์ รัฐบาลไม่เคยส่งซิกให้คว่ำ
โดยความเคลื่อนไหว ในช่วงนับถอยหลังก่อนวันลงมตินั้น แหล่งข่าวที่เป็นคีย์แมนในคณะกมธ.ยกร่างรธน.คนหนึ่ง เปิดเผยกับ ”ทีมข่าวฯ” ว่า ยิ่งใกล้วันลงมติ ต้องยอมรับว่ามีการปล่อยข่าวสร้างกระแสกันหนักมาก อย่างช่วงสัปดาห์สุดท้าย ก็มีการอ้าง ”สัญญาณพิเศษ” จากผู้มีอำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน ร้องขอให้สปช.โหวตไม่รับร่างรธน. เพราะประเมินว่าร่างไม่น่าจะผ่านประชามติ จึงไม่อยากให้มีปัญหา ขอให้สปช.คว่ำร่างไปเลย
แม้ข่าวทำนองนี้จะไม่ใช่ข่าวใหม่ในหมู่ สปช. เพราะเคยมีการลือกันมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่พอมีการกลับมาสร้างกระแสทำนองนี้อีกในช่วงใกล้วันลงมติ ก็ทำให้สปช.ที่ไม่ชอบเรื่องการสร้างกระแสล็อบบี้อะไรต่าง ๆ ไม่ค่อยพอใจกันระดับหนึ่ง ยิ่งพอเช็คกับคนที่ถูกอ้างชื่อว่าส่งซิกให้สปช.คว่ำร่างรธน. ก็พบว่าเป็นข่าวปล่อย จึงยิ่งแสดงให้เห็นว่าบางกลุ่มยังคงพยายามเคลื่อนไหวจนถึงวันสุดท้ายของการลงมติให้ได้เพื่อให้คะแนนเสียงออกมาตามที่ต้องการ
แหล่งข่าวคนดังกล่าวยังเปิดเผยด้วยว่า เมื่อช่วงค่ำ วันอังคารที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ยังคงมีสปช.บางคนเคลื่อนไหวเชิญชวนให้สปช.คว่ำร่างรธน.โดยการส่งข้อความเข้าไปในไลน์กลุ่มสมาชิกสปช. แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสมาชิก สปช. มากนัก ซึ่งก็มีสปช.คนหนึ่ง มีการส่งข้อความในไลน์กลุ่มอ้างว่า ”วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯให้สัมภาษณ์ทำนองสนับสนุนการคว่ำร่างรธน.
“พอมีสปช.โพสต์ข้อความนี้ลงในไลน์กลุ่ม สปช. ก็ทำให้ นายดุสิต เครืองาม สปช.ด้านพลังงาน น้องชายนายวิษณุ มีการตรวจสอบความถูกต้องของข่าวทันทีว่านายวิษณุให้สัมภาษณ์ว่าอย่างไรกันแน่ จนทราบความจริงว่านายวิษณุไม่ได้หมายถึงอย่างที่มีสปช.บางคนอ้างไว้ จึงรีบชี้แจงทันทีผ่านไลน์กลุ่มสปช.เมื่อค่ำวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา”
ปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในกลุ่มสมาชิกสปช.แสดงให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในสปช.คงทำจนถึงวันสุดท้ายก่อนลงมติเรื่องนี้ ”ทีมข่าวฯ” ได้สอบถามสปช.เพื่อสำรวจท่าทีและความเคลื่อนไหวของสปช.ก่อนวันลงมติ 6 ก.ย. ที่ก็ได้ข้อมูล - ความเห็นสปช.ที่น่าสนใจไม่น้อย
เริ่มจาก “ประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ สปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม” ที่เป็นอดีตสว.เลือกตั้ง ปี 2543 ระบุว่า เรื่องการลงมติ ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ ช่วงนี้ก็ยังคุยกับเพื่อนสปช.ด้วยกันว่าร่างรธน.ทั้งฉบับมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย หรือข้อเสียมีมากกว่าข้อดี
“สปช.หลายคนก็ขอหารือกันก่อน อย่างเย็นนี้ (2ก.ย.) ก็มีการนัดหารือกันของสปช.ที่อยู่ในคณะกรรมาธิการคณะหนึ่ง โดยนัดกินข้าวกันที่สนามม้า”
และกล่าวต่อไปว่า ยังเดายากว่าแนวโน้มการลงมติของสปช.จะออกมาแบบไหน ยอมรับว่ามีสปช.ที่อาจจะลงมติไม่รับรธน.เพิ่มขึ้นพอสมควร จากเดิมที่สัปดาห์ที่แล้วหลายคนเคยบอกว่าจะลงมติรับร่าง โดยประเด็นที่สปช.ยังติดใจกันอยู่ก็เช่นเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและปรองดอง( คปป.) หรือเรื่องสมาชิกวุฒิสภา ที่ให้อำนาจตรวจสอบอะไรต่างๆ แต่กลับให้สว.เลือกตั้งมีน้อยมาก
“ให้ประเมินผมยอมรับว่าถึงตอนนี้ยังเดายากจริงๆ คุยกันหลายคนเขาบอกยังไม่ตัดสินใจขออ่านดูก่อน แต่หลายคนก็บอกหากมีส่วนดี สัก 70-80 เปอร์เซ็นต์ ก็พร้อมจะโหวตผ่านร่างอยู่แล้ว คงไม่ต้องถึงกับจะให้พอใจ 100 เปอร์เซ็นต์หรอก”
เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของสปช.ในช่วงนี้เป็นอย่างไร มีการนัดพบปะอะไรกันหรือไม่ “สปช.-ประสิทธิ์”กล่าวตอบว่า ไม่ค่อยทราบมากนัก แต่อย่างพวกสปช.จังหวัด ก็พอทราบแค่ว่าปกติกลุ่มนี้ ก็จะมีการนัดพบปะกินข้าวนัดคุยกันเป็นปกติอยู่แล้ว โดยมีสปช.จังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้ประสานหลัก ซึ่งก็ไม่เคยไปร่วมจึงไม่ทราบทิศทางว่าสปช.จังหวัดจะมีท่าทีอย่างไร
สปช.สายใต้ –นักวิชาการ เชื่อร่างผ่านฉลุย
ด้าน ”โกวิท ศรีไพโรจน์ สปช.สุราษฏร์ธานี” ที่เป็นอัยการ ด้วยกล่าวว่า ร่างรธน.ฉบับนี้ข้อดีก็มีเยอะแต่ข้อที่มีปัญหาก็มีอยู่เช่นกัน ตอนนี้แม้มีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่าจะลงมติอย่างไร แต่ก็ยังแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ อีก 70 เปอร์เซ็นต์ขอฟังประชาชนจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนลงมติอีกที อย่างตอนนี้เท่าที่ฟังเสียงประชาชน 80 เปอร์เซ็นต์ เขาก็อยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯได้อยู่ต่ออีกสักระยะแต่หลายคนก็ไม่รู้จะให้อยู่อย่างไร อีกทั้งหลายคนก็เห็นแล้วว่าการปฏิรูปที่ผ่านมามันไม่ได้มีการปฏิรูป แต่เป็นการสร้างอำนาจใหม่ขึ้นมา
“สปช.-โกวิท” กล่าวอีกว่าเท่าที่ประเมิน ฝ่ายสนับสนุนกมธ.ยกร่างรธน.ก็มีเสียงเยอะส่วนฝ่ายที่จ้องจะคว่ำร่างรธน.ก็ออกมาประกาศทุกวันว่าเสียงสปช.ที่ไม่รับร่างรธน.มีเพิ่มขึ้น ซึ่งก็มีความจริงบางส่วน ดูแล้วตอนนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 50 คนที่จะโหวตไม่รับร่างรธน. แต่จะถึง 90 เสียง หรือไม่ ไม่แน่ใจ
“แต่หากรวมเสียงสปช.ที่ไม่รับร่างรธน.แล้ว ยังไม่เพียงพอที่จะคว่ำ ร่างรธน. เพราะฝ่ายกมธ.ยกร่างรธน.ก็มีคะแนนตุนอยู่พอสมควร “
ต่อข้อถามที่ว่าการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส.แถลงสนับสนุนร่างรธน.จะมีผลอะไรหรือไม่ต่อการตัดสินใจของสปช.ที่สนับสนุนเรื่องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งตามแนวกปปส. “สปช.-สุราษฎร์ธานี” กล่าวตอบว่า สปช.สายภาคใต้ตอนนี้ก็คุยกันแล้วว่าร่างรธน.ฉบับนี้ นายสุเทพ เขาเห็นด้วยแล้ว แต่นายสุเทพ ก็ไม่ได้บอกว่าร่างดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปฏิรูปที่ผ่านมา ดูแล้ว ยังไม่ชัด เพราะยังไม่มีการปฏิรูประบบ โดยเฉพาะที่เห็นชัดคือไม่มีการปฏิรูปตำรวจ
ขณะที่ สปช.สายนักวิชาการอย่าง ”ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ –สปช.และอดีตรองอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์” กล่าวถึงการลงมติในวันที่ 6 ก.ย.นี้ว่า ส่วนตัวมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วว่าจะลงมติแบบไหน เพราะได้อ่านร่างรธน.ทุกมาตรารวมถึงทบทวนการทำงานที่ผ่านมากับสปช.ตลอดช่วง 10 เดือนกว่าที่ผ่านมาประกอบด้วย
"เท่าที่ดูการทำงานของสปช.ดูแล้วส่วนใหญ่คงจะลงมติเห็นชอบร่างรธน.เพราะสปช.ก็เป็นคนเลือกคนของเราเอง 20 คนไปเป็นกมธ.ยกร่างรธน. ก็เป็นการมอบให้ตัวแทนเราไปคิดแทนเรา และที่ผ่านมา สปช.ก็เสนอความเห็นรวบยอดในด้านการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ให้กับกมธ.ยกร่างรธน.ไปแล้วและยังมีการหารือนอกกับกมธ.ยกร่างรธน.กับสปช.นอกรอบหลายครั้งรวมถึงร่างรธน.ก็ยังตอบโจทย์หลายเรื่องของประเทศ เช่นลดความเหลื่อมล้ำ สปช.ก็คงไม่คัดค้านหรือจะไปคว่ำ ที่บอกว่ามีสปช.ไม่เห็นด้วยร่างรธน.มากขึ้น ผมว่าไม่น่าจะใช่ อาจเป็นการคาดคะเนกันไป ของอย่างนี้ความคิดมันไม่ได้เปลี่ยนกันได้ข้ามคืน" สปช.สายนักวิชาการผู้นี้กล่าวย้ำ
ศ.ดร.ชาติชาย กล่าวย้ำว่า ก็ต้องยอมรับว่ากลไกบางอย่างในร่างรธน.ฉบับนี้อาจไม่ได้เป็นประชาธิปไตย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่หลายเรื่องเป็นเรื่องเฉพาะกิจ กมธ.ยกร่างรธน.ฯ ก็ให้เวลาไว้เพียงแค่ 5 ปี สปช.ก็ไม่น่าจะต้องไปคว่ำ ถ้าเรามองด้วยใจกว้าง โดยมองว่า ที่ผ่านมาประเทศเรามีปัญหาอะไรและจำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้แข็งแรงขึ้นมาก่อน เพราะหากเปรียบไปตอนนี้บ้านเราถ้าเป็นคนก็เป็นคนที่ไม่สบายช่วง 5 ปีจึงเป็นช่วงการพักฟื้นร่างกาย
ในส่วนของสปช.สายนักวิชาการเท่าที่ทราบ ก็อาจติดใจอยู่บางประเด็นเช่น เรื่องอำนาจคปป. หรือเรื่องสว.ที่มาจากการสรรหาก็ไม่ควรให้มีอำนาจถอดถอนอะไรได้เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง นอกนั้นก็มีเรื่องนายกฯคนนอก ก็มีการถกกันว่า รธน.ฉบับก่อนหน้านี้ก็ไม่ให้คนนอกเข้ามา แล้วร่างรธน.ฉบับนี้กลับเปิดให้คนนอกเข้ามา เปิดทางให้คนนอกหรือไม่ สปช.สายนี้ก็มีการถกกัน เพราะตอนนี้เราไม่ควรกลับไปเป็นแบบอดีตอีกแล้ว
นับถอยหลังอีกไม่กี่วัน สปช.ทั้งหมดก็จะสิ้นสภาพกันแล้วหลังการโหวตร่างรธน. 6 ก.ย.โดยบางคนก็หวังอยากกลับมาอีกครั้งกับการเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่พลเอกประยุทธ์ต้องตั้งภายในไม่เกิน 30 วันนับจาก 6 ก.ย.นี้ ที่มีให้ลุ้นกันถึง 200 เก้าอี้ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น รอดูกันก่อนว่า มติสปช.จะออกมาแบบไหน และสปช.แต่ละคนจะออกเสียงกันอย่างไร