Freelance ห้ามทึกทักว่าเป็นหนังรักและตลก
แก่นของเรื่องหนังเล่าเรื่องของคนที่ใช้ชีวิตแบบไม่บันยะบันยัง จนลืมจัดสมดุล ปล่อยให้ชีวิตเอียงเป็นหอเอนไปทางการทำงานมากกว่าอื่นใดทั้งหมด ทำชีวิตสังคมล่มสลาย จนต้องหลอกตัวเองไปวันๆ ว่ายังมีใครอยู่ แต่ความจริง กลับโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงายิ่งกว่าใคร

ที่มาภาพ:https://www.facebook.com/gthchannel?fref=ts
ก่อนอื่นต้องตำหนิ GTH ที่ทำการตลาดแบบไม่จริงใจต่อคนดู เมื่อปล่อยโปรโมท สร้างจุดขายให้เหล่าแฟนคลับพากันเคลิ้มว่าจะได้ดูหนังตลกคอมเมดี้ โรแมนติกกิ๊กกั๊ก แบบ ไอฟายแต้งกิ้ว หรือ เอทีเอ็มเออรักเออเร่อ แต่พอเข้าไปดูวันฉายจริง กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง หนังไม่ได้ฮากลิ้งเหมือนเรื่องก่อนๆ
แต่กระนั้น "Freelance ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" กลับเป็นหนังที่มีแง่มุมให้พูดถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งในบรรดาหนังยุคหลังๆ ของ GTH สำหรับผมแล้ว เมื่อดูจบ คิดคำออกอยู่ 3 คำ ดังนี้
1. Balance : ผมมองว่านี่คือแก่นของเรื่อง เพราะหนังเล่าเรื่องของคนที่ใช้ชีวิตแบบไม่บันยะบันยัง จนลืมจัดสมดุล ปล่อยให้ชีวิตเอียงเป็นหอเอนไปทางการทำงานมากกว่าอื่นใดทั้งหมด ทำชีวิตสังคมล่มสลาย จนต้องหลอกตัวเองไปวันๆ ว่ายังมีใครอยู่ แต่ความจริง กลับโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงายิ่งกว่าใคร เมื่อนานวันและเป็นหนักๆ เข้า ร่างกายก็ประท้วง ฟ้องเจ้าของชีวิตว่าไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี กลับใช้เหตุผลร้อยแปด เพื่อให้ "ภาระ" มีความชอบธรรม
หนังเลือกถ่ายทอดชีวิตคนที่แปะชื่ออาชีพอย่างเป็นทางการว่า "รับจ้างทั่วไป" หากจะเปรียบเทียบกับคนอาชีพอื่นๆ ที่กินเงินเดือน คนรับจ้างทั่วไปหรือฟรีแลนซ์ต้องมีวินัย รับผิดชอบ และรอบคอบในการใช้ชีวิตทุกด้าน เพราะชีวิตทำงานไม่มีกฎระเบียบองค์กรคอยกลั่นกรองให้ จึงต้องเป็นนายตัวเองอย่างแท้จริง
เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับและเขียนบทเก่งมากในการยึดกุมแก่นของเรื่องไม่ให้วอกแวก ฟูมฟาย ประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็ตัดออกให้หมด อะไรที่เทอะทะ ทำให้ยืดยาดก็ทิ้งไปซะ จนในที่สุด Freelance น่าจะเป็นหนังไทยที่ "สื่อสารกับความเหงา ถ่ายทอดชีวิตอ้างว้าง และถอดบทเรียนให้กับความโดดเดี่ยว" ได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีมา
2. Signature : แม้ เต๋อ นวพล จะทำหนังมาไม่มากนัก แต่เขาก็มีลายเซ็นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ดูอย่างเรื่องก่อน Mary is Happy, Mary is Happy. อินดี้เสียจนมีคนหลงรักจำนวนไม่น้อย สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดในงานของเขา คือความเป็นธรรมชาติของคาแรกเตอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสั้นหรือหนังยาว ตัวละครของเต๋อทุกเรื่องมักจะ "โคตรเรียล" จับต้องได้ ไม่เฟค ใชัภาษาบ้านๆ ร่วมสมัย ดาราไม่ต้องสวยและหล่อ
ใหม่ ดาวิกา เล่าเบื้องหลังการทำงานกับผู้กำกับเต๋อ ว่ามีอยู่วันหนึ่งก่อนเธอจะไปกองถ่าย เธอแวะรับงานอีเวนท์หนึ่ง เสร็จแล้วก็รีบบึ่งไป พอไปถึงกอง เต๋อบอกให้เธอล้างเครื่องสำอางออกให้หมด แต่เธอก็ยืนยันว่าล้างแล้ว ผู้กำกับไม่เชื่อ สุดท้ายเธอต้องล้างให้ดูต่อหน้า "จะให้ทำยังไง นี่มันหน้าจริงๆ ของหนู"
เราจึงไม่เห็นนักแสดงของเต๋อแต่งหน้าเข้าฉาก ประเภทคิ้วปลิง ขนตาปลอม จะไม่มี อย่างใน Mary is Happy, Mary is Happy. นักแสดงหน้าตาพื้นๆ แต่งชุดพละชุดเดียวทั้งเรื่อง หรือบท ยุ่น พระเอกของเรื่องก็เสื้อยืดกางเกงวอร์ม ลากอีแตะ นมย้อย ปล่อยพุง ส่วนหมออิมก็หน้าสด (แต่น่ารักโคตรๆ) ทั้งเรื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนังมาอยู่ในค่าย GTH องค์กรแสวงหากำไรสูง จึงน่าจะมีกระบวนการซับซ้อนพอสมควรเพื่อไม่ให้หนังอินดี้เกินไป การปรับแก้บทน่าจะมีหลายครั้ง การต่อรองคงมีหลายหน ในที่สุด-อย่างที่เห็น ลายเซ็นของเต๋อ จางไปพอสมควร
หากถามว่า เหงา อ้างว้าง โดดเดี่ยว ยังอยู่มั้ย คำตอบคืออยู่ครบ แต่ถูกกลบด้วยการปรุงแต่งแบบ GTH ไม่น้อย ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าเป็นลายเซ็นเข้มๆ ของเต๋อ หนังจะไม่ประนีประนอมแบบนี้ เสียงในหัวของยุ่นอาจจะไม่นำมาซึ่งเสียงหัวเราะ การล้อเล่นกับชีวิตแบบสุดดาร์คจะต้องเกิดขึ้น ส่วนกล้องอาจจะส่ายไปส่ายมาน่าเวียนหัวพอๆ กับเรื่องก่อนๆ
เราต้องรอดูกันต่อไป ว่างานหน้าจะออกมาท่าไหน
3.Chemistry : การเข้าคู่กันของ ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ กับ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ คือส่วนดีของหนังที่ทำให้ผมเพลินทุกฉาก ฟินทุกซีน
นี่คือตัวอย่างเชิงประจักษ์ของพระ-นางยุคใหม่ ไม่ต้องทำสวยหล่อ หน้าเด้ง ผมเด๊ะ ซึ่งการเข้าคู่จนต้องแอบลุ้นระหว่างยุ่นกับหมออิม คือธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ที่ผ่านมานั้นเราคุ้นเคยกับตัวละครในแนวเมโลดรามา ที่แสดงให้ใหญ่เข้าไว้ หรือ lager than life ซึ่งผลที่ได้ก็ซาบซึ้งประเดี๋ยวประด๋าว แต่กรณีของยุ่นกับหมออิม หรือใหม่กับซันนี่ ทำให้เราเห็นมนุษย์จริงๆ เขาคุยกัน จนต้องนำกลับไปคิดต่อที่บ้าน ว่าถ้าเป็นเราจะจัดการยังไงกว่าจะได้ขนาดนี้ คงยกเครดิตให้ผู้กำกับอีกรอบ เพราะแต่ละฉากไม่ต่ำกว่า 10 เทค บางฉากทะลุไปถึง 40 เทค แถมยังมีเวิร์คช็อปก่อนถ่ายทำจริงอีกต่างหาก ซึ่งผลที่ออกมานั้น ใครจะว่าไงก็ช่าง แต่ผมชอบ
ขอบคุณเนื้อหา:https://www.facebook.com/prachuab.wangjai?fref=photo
