ดีเอสไอเรียก'ฉาย-พวก' รับข้อหาคดีปั่นหุ้น SLC
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายเรียก "ฉาย บุนนาค" พร้อมพวก10 ราย รอบ2 ภายในสัปดาห์นี้ รับทราบข้อหาคดีปั่นหุ้น SLC หลังก.ล.ต.ยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษ ขณะเดียวกันพบหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยปรากฏชั้นสอบสวน14คดีปั่นหุ้น ยังพบหลักฐานโอนเงินเทคโอเวอร์SLC เชื่อมโยงเส้นทางการเงิน เผยขออนุมัติศาลออกหมายจับ 1 ราย ชี้พฤติการณ์น่าเชื่อหลบหนี
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายฉาย บุนนาค กับพวก 10 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ในคดีปั่นหุ้นบริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เมื่อเดือนก.ย.2557 โดยอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องและยุติคดีไปแล้ว
หลังจากมีการเปลี่ยนอธิบดีดีเอสไอคนใหม่ คือนางสุวณา สุวรรณจูฑะ ได้มีคำสั่งให้ทีมสอบสวนชุดใหม่ ดำเนินการตรวจสอบใหม่อีกครั้ง จนพบหลักฐานสำคัญชิ้นใหม่เกิดขึ้น
ดีเอสไอยันพบหลักฐานใหม่
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีปั่นหุ้น บริษัทโซลูชั่นฯ ที่สำนักงานก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดีเอสไอ สอบสวนดำเนินคดีกับ นายฉาย กับพวก ว่าจากการสอบสวนมีพยานเอกสาร และพยานบุคคลครบถ้วนแล้ว โดยพบหลักฐานใหม่ ที่ไม่เคยปรากฏในชั้นสอบสวนคดีปั่นหุ้น 14 คดี ที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดไปแล้ว
โดยพนักงานสอบสวน มีมติให้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา 11 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาในคดีปั่นหุ้น ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้ต้องหา 1 ราย ไม่รับหมายเรียก มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าหลบหนี และไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ออกหมายเรียกซ้ำรอบ2
ดังนั้นดีเอสไอ จึงขอให้ศาลออกหมายจับแล้ว ส่วนผู้ต้องหาอีก 10 ราย ยังไม่พบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่ได้ทำหนังสือขอเลื่อนนัดเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งดีเอสไอจึงออกหมายเรียกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จะครบกำหนดภายในสัปดาห์นี้ หากยังไม่เข้ารับทราบข้อหา พนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินคดี ข้อหาขัดขืนหมายเรียกอีก 1 ข้อหา
สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 57 ก.ล.ต. ทำหนังสือที่ ก.ล.ต.2266/2557 ส่งถึงอธิบดีดีเอสไอ ขอให้สอบสวนการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ของนายฉาย กับพวก ซึ่งมีพฤติกรรมปั่นหุ้นบริษัท SLC ในลักษณะของการสร้างราคา ผ่านบัญชีซื้อขายหุ้น
“อธิบดี” สั่งรื้อคดี SLC ใหม่
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต.ได้ส่งเอกสารหลักฐานการตรวจสอบ 31 รายการ จำนวน 300 หน้ากระดาษ ให้ดีเอสไอสอบสวนดำเนินคดีกับนายฉาย ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการปั่นหุ้น SLC โดยพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ได้ส่งหนังสือคำร้องของก.ล.ต.ให้สำนักคดีการเงินการธนาคารสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี
ต่อมาเมื่อนางสุวณา สุวรรณจูฑะ รับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ได้มีคำสั่งให้โอนสำนวนคดีปั่นหุ้น SLC จากสำนักคดีการเงินการธนาคาร มาให้อยู่ในความรับผิดชอบของ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ โดยพนักงานสอบสวนชุดใหม่ ใช้เวลากว่า 6 เดือน จึงมีความเห็นให้เรียกผู้ต้อง หาเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อสั่งฟ้องคดีต่อไป
ก.ล.ต.แจ้ง11รายชื่อสอบสวน
ทั้งนี้ บุคคลที่ ก.ล.ต.ระบุรายชื่อพร้อมพฤติกรรม ให้ดีเอสไอสอบสวนดำเนินคดี ฐานให้การสนับสนุนการปั่นหุ้น SLC ประกอบด้วย 1. นายฉาย บุนนาค 2. นายปฐมัน บูรณะสิน 3.นายสุพิชยะ ฉายเหมือนวงศ์ 4. นายมีศักดิ์ มากบำรุง 5.นายอภินันทกานต์ พงศ์สถาบดี6. นายเทพฤทธิ์ สิหิสราภิสิทธิ์ 7. นายทรี บุญปราศภัย 8. น.ส.ชนาธิป ตันติพูนธรรม 9. นายพาวิตต์ นาถะพินธุ 10. น.ส.ศิริญา ดำรงวิถีธรรม และ11. นายไท บุญปราศภัย
พบการซื้อขายผิดปกติ
ขณะที่หนังสือคำร้องของ ก.ล.ต. ระบุว่า ก.ล.ต.จับตาการซื้อขาย SLC มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.-29. เม.ย.2553. และการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.-21 ก.ค.2553. ทำให้พบความผิดปกติในการซื้อขายหุ้น SLC ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-29 เม.ย.2553 ซึ่งมีสภาพผิดไปจากปกติ จากการกระทำของผู้ต้องสงสัย 11 ราย เป็นการซื้อแบบกระจายตัว และการส่งคำสั่งซื้อขายของบัญชีต้องสงสัย 9 บัญชี มีนัยเพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาหุ้น SLC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 6.10 บาท ในวันที่ 30 มี.ค.2553 เป็น 7.20 บาท วันที่ 29 เม.ย.2553 เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ18.30% โดยสวนทางกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ที่ปรับตัวลดลง 3.35%
ก.ล.ต.แจงพฤติกรรมถี่ยิบ
นอกจากนี้ ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของหุ้น SLC ก่อนช่วงเวลาต้องสงสัย 30 วันทำการ เปรียบเทียบกับช่วงเวลาต้องสงสัย 18 วันทำการ เพิ่มขึ้นจาก 660,000 หุ้น เป็น 2,240,000 หุ้น เพิ่มขึ้น 239.4% โดยไม่มีสารสนเทศที่มีนัยสำคัญ สนับสนุนทางการเพิ่มขึ้นของราคา และปริมาณหุ้นที่ผิดปกติเกิดจากคำสั่งซื้อหุ้นของบุคคลต้องสงสัย 9 ราย คือนายปฐมัน นายสุพิชยะ นายอภินันทกานต์ นายทรี น.ส.ชนาธิป นายเทพฤทธิ์ นายพาวิตต์ และน.ส. ศิริญา คิดเป็น 55.64% ของปริมาณการซื้อขายทั้งตลาด
คำร้องของก.ล.ต. ยังได้บรรยายพฤติกรรมการซื้อขายหุ้น SLC ที่ไม่เป็นปกติด้วยว่า หากมีการซื้อหุ้นบุคคล ต้องสงสัยจะซื้อในวันเดียวกัน กรอบเวลาเดียวกัน และในวันที่ไม่เข้าซื้อขายก็จะไม่เข้าซื้อขายทั้ง 9 บัญชี โดยในวันที่มีการซื้อจะซื้อตั้งแต่ 1,000 หุ้น จนถึง 8,046,300 หุ้น และ 55.96% ของราคาหุ้น SLC ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากการซื้อขายของ 9 บัญชีต้องสงสัย หากเป็นวันทำการที่บุคคลทั้ง 9 ไม่เข้าซื้อบัญชีจะนิ่ง ราคาเปิดไม่เปลี่ยนแปลง
ชี้“ฉาย”เคยถูกก.ล.ต.ปรับปี49
สำหรับข้อมูลในชั้นสืบสวนระบุประวัติของ นายฉาย ว่า เคยทำงานใน บล.นครหลวงไทย ภายหลังลาออกจาก บล.นครหลวงไทย ได้หันมาลงทุนในหุ้นกลุ่มต่าง ๆ โดยในปี 2549 นายฉาย ถูก ก.ล.ต.ปรับฐานปั่นหุ้น 4.8 ล้านบาท และปรับผู้สนับสนุนการปั่นหุ้น 2 รายๆ ละ 3.3 แสนบาท ต่อมาในปี 2551-2553 นายฉาย กับพวกถูกดำเนินคดีฐานปั่นหุ้นอีก
พบหลักฐานโอนเงินเทคSLC
อย่างไรก็ตาม ในชั้นการตรวจสอบของก.ล.ต. ระบุถึงหุ้น SLC ว่า เดิมผู้ถือหุ้นใหญ่คือนายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ จากนั้นมีการขายหุ้นให้ นายดิเรก วงศ์ชินศรี ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท เป็นเงิน 114 ล้านบาท โดยเงินลงทุนที่ นายดิเรก นำมาซื้อหุ้นเป็นเงินทุนที่รวบรวมจากหลายบัญชี และเป็นเงินจากบัญชีของนายฉาย จำนวน 75 ล้านบาท ส่วน นายปฐมัน และนายสุพิชยะ ร่วมทุน 10 ล้านบาท ข้อเท็จจริงในชั้นสืบสวนบ่งชี้ว่า นายฉาย เป็นผู้ควบคุมการใช้จ่ายเงินทุนดังกล่าว เพื่อซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดียว รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการทำคำเสนอซื้อหุ้นจากบุคคลทั่วไป ในการสนับสนุนการซื้อขายหุ้น SLC ในบัญชีต้องสงสัยที่มีพฤติการณ์สร้างราคาหุ้น SLC
เชื่อมโยงเส้นทางการเงิน
ในชั้นสืบสวนพยาน (นายไท บุญปราศภัย) ซึ่งทำงานใน บล.คันทรี่กรุ๊ป ให้การด้วยความสมัครใจ พร้อมมอบพยานเอกสารประกอบ ระบุว่านายฉาย มอบหมายให้รวบรวมและบันทึกข้อมูล จัดส่งให้ โดยมีข้อมูลการซื้อขายหุ้น SLC รวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ ในการตรวจสอบบัญชีกระแสการเงิน ของผู้ต้องสงสัย ยังพบความสัมพันธ์ทางการเงินระหว่างกลุ่มผู้ต้องสงสัย ที่มีการโอนเงินไปมา เช่น การถอนเงินจากบัญชีของ นายปฐมัน จำนวน 3.8 ล้านบาท ที่ระบุว่าโอนให้ นายฉาย และกองกลางเพื่อซื้อหุ้น SLC การโอนเงินจากบัญชี นายสุพิชยะ เข้าบัญชีนายปฐมัน โดยระบุว่า เป็นการจ่ายค่าหุ้น SLC หรือการนำเงินฝากเข้าบัญชีตนเองของผู้ต้องสงสัยบางคน ก่อนนำไปสั่งซื้อหุ้น SLC รวมถึงการลงบัญชีว่า มีการรับเงินจากบัญชีกองกลาง เพื่อนำไปชำระค่าหุ้น SLC เป็นต้น
พบสร้างภาพลวงราคาหุ้น
พฤติการณ์ของผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ จึงเป็นการสร้างภาพลวงว่า ราคาหุ้น SLC ปรับตัวสูงขึ้น มีผู้สนใจซื้อจำนวนมาก และมีราคาเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางสูงขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนทั่วไปหลงเชื่อ และซื้อขายตาม
ทั้งนี้หากการซื้อขายของบุคคลต้องสงสัยทั้ง 9 ไม่เกี่ยวข้องกัน ย่อมไม่มีเหตุที่ นายฉาย ต้องมอบหมายให้ นายไท รวบรวมข้อมูลทั้งหมด และข้อมูลที่นายไท บันทึกตรงกับคำซื้อขายที่เกิดขึ้นจริง ข้อมูลที่พบในชั้นสืบสวน จึงเป็นหลักฐานแสดงว่า ผู้ต้องสงสัยได้ตกลงร่วมกันในกลุ่มที่มี นายฉาย เป็นศูนย์กลาง และเป็นตัวการสำคัญที่ได้รับประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น SLC ในลักษณะของการสร้างราคา
“ทรงศักดิ์”รับดีเอสไอออกหมายเรียกจริง
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวยืนยันว่า ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ออกหมายเรียก นายฉาย และพวกรวม 11 คน ตามสำนวนการ สอบสวนในการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการสร้างราคาหุ้น SLC หรือเรียกว่า “คดีปั่นหุ้น SLC” โดยผู้ถูกกล่าวหาจะต้องติดต่อกับพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 18 ก.ย.นี้ หากพ้นกำหนดอาจต้องมีการพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
“คดีนี้มีพนักงานสอบสวนดีเอสไอ มีการ รวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว แต่มีข้อสงสัยบางประการ ถึงพฤติกรรมการซื้อขายหุ้น SLC ที่ผิดปกติ จึงจำเป็นต้องเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาและให้โอกาสชี้แจง ภายในวันศุกร์นี้” รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าว
ขอบคุณข่าวจาก

