




นายกฯ พร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กรณีการทำ floodway มาพิจารณาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างถาวร
นายกรัฐมนตรี น้้อมนำกระแสพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการทำ flood Way พร้อมขอประชาชนอย่าทำลายแนวคันกั้นน้ำ เพราะอาจทำให้น้ำทะลักแรง เตรียมพิจารณากฎหมายขั้นเด็ดขาด
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมน้้อมนำกระแสพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรืองของการทำ flood Way โดยให้คณะกรรมการพิจารณาดูระบบน้ำถาวรนำมาพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมในระยาว ส่วนกรณีที่มวลชนทำลายคันกั้นน้ำ เบื้องต้นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกจังหวัด ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่า หากทำลายคันกั้นน้ำระดับน้ำจะไม่ลดลงแต่จะขยายวงกว้าง ดังนั้นขอความร่วมมือ อย่าทำลายแนวคันกั้นน้ำเพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปตามระบบ ทั้งนี้หากจำเป็น ได้มีการพิจารณากฏหมายพิเศษเพื่อกำหนดใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นน้ำจะทะลักแรงและทุกคนจะได้รับความเดือดร้อน พร้อมกันนี้ยอมรับว่า รู้สึกหนักใจที่เจอทั้งปัญหาน้ำและคน แต่เนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรง คนจึงมีความเครียด รวมถึงการประสานงานกับหลายฝ่ายเป็นไปได้ยาก แต่ยืนยันว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ จึงขอให้มั่นใจรัฐบาล พร้อมกันนี้ได้กำชับให้ ส.ส. และผู้นำท้องถิ่น ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ของตนเอง
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า น้ำเหนือที่ไหลลงสู่กรุงเทพมหาสนคร ขณะนี้มีปริมาณที่ลดลงโดยต้องติดตามการลดระดับการเปิดประตูระบายน้ำ และการใช้ถุงทรายขนาดใหญ่หรือบิ๊กแบ๊กทำแนวคันกั้นน้ำ ซึ่งจะเสร็จในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.54) ซึ่งจะช่วยชะลอน้ำที่จะเข้าสู่ดอนเมือง ขณะเดียวกันสาเหตุที่น้ำยังคงขยายวงกว้าง เนื่องจากระดับน้ำทะเลยังสูงกว่าแนวคันกั้นน้ำรวมทั้งมีรอยรั่วของคันกั้นน้ำทางฝั่งตะวันตกจำนวนหลายจุด ซึ่งจะซ่อมแซมให้แล้วเสร็จในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ส่วนฝั่งตะวันออกจะเร่งแก้ปัญหา 2 ส่วนคือการแก้ปัญหาประตูระบายน้ำคลองสามวาถึงคลองหกวาสายล่าง การวางแนวคันกั้นน้ำด้วยบิ๊กแบ๊ก และการระบายน้ำจะต้องมีความสัมพันธ์กัน
นายกรัฐมนตรี ยังมั่นใจว่า จะยังใช้กระทรวงพลังงานเป็นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.ต่อไป แต่ยอมรับว่าให้ทีมงานหาสถานที่สำรองไว้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็สามารถทำงานได้เช่นกัน เพียงแต่ขอให้เจ้าหน้าที่อดทนและปฏิบัติตามแผนการที่ได้วางไว้
