กฤษฎีกา ชี้เทคโนฯปทุมวัน เหมาจ่ายเงิน1ล.ให้ 2 รองอธิการฯ บำนาญไม่ได้
"กฤษฎีกา" ชี้ขาดเทคโนฯปทุมวัน เหมาจ่ายเงิน 1 ล. แทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ให้ 2 รองอธิการฯ ขรก.บำนาญไม่ได้ หลังสตง.สอบพบปัญหาข้อกฎหมาย สั่งเรียกเงินคืน -แนะช่องทางให้สภาสถาบันฯ ออกมติแก้ไขเยียวยาช่วย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่ความเห็นทางกฎหมายกรณีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ได้มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอความเห็นทางกฎหมาย กรณีที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ได้เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กับ รศ. ดร. จงกล งามวิวิทย์ และ รศ. ดร. ปัญญา โพธิ์ฐิติรัตน์ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ประการใด
และหากไม่สามารถดำเนินการได้ การเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวจะเสียไปหรือไม่อย่างไร อีกทั้งสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันจะต้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนหรือไม่ เพราะเหตุใด
เบื้องต้น คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 8 ได้พิจารณาข้อหารือของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน โดยเชิญตัวแทนผู้เกี่ยวข้องชี้แจง เห็นว่ามีประเด็นที่จะต้องพิจารณาสองประเด็น และมีความเห็นในแต่ละประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันสามารถเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งจากเงินงบประมาณตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 ให้รองอธิการบดีซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญได้หรือไม่ นั้น
เห็นว่า ตำแหน่ง รองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นตำแหน่งรองหัวหน้าส่วนราชการที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันอาจจัดหารถประจำตำแหน่งให้รองอธิการบดีทั้งสองคนได้
แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า รศ. ดร. จงกลฯ และ รศ. ดร. ปัญญาฯ เป็นข้าราชการบำนาญ ซึ่งแม้จะดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีได้ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. 2547 ประกอบกับข้อ 4 แห่งข้อบังคับสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มาซึ่งอธิการบดี พ.ศ. 2548 ที่ไม่ได้กำหนดห้ามมิให้ข้าราชการบำนาญดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีก็ตาม แต่เมื่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 กำหนดให้ทางราชการจัดรถประจำตำแหน่งให้แก่ "ข้าราชการ" ซึ่งข้าราชการบำนาญไม่อาจถือได้ว่าเป็นข้าราชการตามระเบียบนี้เพราะไม่มีสถานภาพความเป็นข้าราชการแล้ว
ดังนั้น รศ. ดร. จงกลฯ และ รศ. ดร. ปัญญาฯ จึงไม่มีสิทธิได้รถประจำตำแหน่งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และไม่อาจได้รับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการผู้มีสิทธิได้รถประจำตำแหน่ง
ด้วยเหตุนี้ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันจึงไม่สามารถเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนดังกล่าวให้รองอธิการบดีทั้งสองคนได้
ประเด็นที่สอง ในกรณีที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทน การจัดหารถประจำตำแหน่งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 ได้ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันจะสามารถเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งจากเงินรายได้ของสถาบันฯ ได้หรือไม่ อย่างไร นั้น
เห็นว่า ในขณะที่มีการแต่งตั้ง รศ. ดร. จงกลฯ และ รศ. ดร. ปัญญาฯ เป็นรองอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันยังมิได้มีการออกระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับผู้บริหารที่มิใช่ข้าราชการ ในการนี้ สภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันจึงได้มีมติในการประชุมสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2554 เห็นชอบและอนุมัติตามที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันได้นำเสนอให้จ่ายเงินชดเชยจากเงินรายได้ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเป็นค่ารถประจำตำแหน่ง รองอธิการบดีทั้งสองคน คนละ 25,400 บาท ต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป จนกว่าอธิการบดีคนใหม่จะได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
จึงเห็นได้ว่า มติของสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจของสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. 2547 และเป็นการดำเนินการตามความ ในข้อ 8.4 ของข้อ 8 ประกอบกับข้อ 21 แห่งข้อบังคับสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ว่าด้วยการจัดสรร การจัดการรายได้และทรัพย์สินของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นกรณีที่ให้อธิการบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเงินของสถาบัน กำหนดการเบิกจ่ายตามเหตุผลและความจำเป็น
แต่โดยที่พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. 2547 ไม่ได้บัญญัติให้มีคณะกรรมการการเงินของสถาบัน การทำหน้าที่ดังกล่าวจึงเป็นหน้าที่ของสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันตามมาตรา 17 (15) แห่งพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. 2547 ที่กำหนดให้สภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันปฏิบัติหน้าที่อื่นเกี่ยวกับกิจการของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันที่มิได้ระบุให้เป็นหน้าที่ของผู้ใดโดยเฉพาะ
ดังนั้น เมื่อสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเห็นว่า เพื่อให้การบริหารงานของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันมีประสิทธิภาพและเป็นการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติราชการอันจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ภายใต้วัตถุประสงค์ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินชดเชยจากเงินรายได้ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเป็นค่ารถประจำตำแหน่งของรองอธิการบดีทั้งสองคนอันเป็นกรณีตามที่หารือนี้ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2553 แล้ว
ด้วยเหตุนี้ การจ่ายเงินชดเชยจากเงินรายได้ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเป็นค่ารถประจำตำแหน่งของรองอธิการบดีให้แก่ รศ. ดร. จงกลฯ และ รศ. ดร. ปัญญาฯ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป จึงเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมาย
สำหรับการจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งก่อนวันที่ 21 ตุลาคม 2553 อันเป็นช่วงระยะเวลาก่อนที่สภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันจะมีมติให้จ่ายเงินชดเชยจากเงินรายได้ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเป็นค่ารถประจำตำแหน่งตามข้อหารือนี้ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการดำเนินการที่มีมติสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันและกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับรองรับ
ดังนั้น หากสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเห็นว่า การเบิกจ่ายเงินชดเชยเป็นค่ารถประจำตำแหน่งสำหรับช่วงระยะเวลาดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันและภายใต้วัตถุประสงค์ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันแล้ว
สภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันอาจดำเนินการให้มีมติในทางหนึ่งทางใดเพื่อแก้ไขเยียวยากรณีดังกล่าวภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับตามอำนาจหน้าที่ของสภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ข้อหารือข้อกฎหมายต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นผลมาจากการที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้มีหนังสือ ที่ ตผ 0035/2884 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 ถึงสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้รองอธิการบดีทั้งสองคน
เนื่องจากข้อ 6 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 กำหนดให้ข้าราชการที่ทางราชการจัดรถประจำตำแหน่งให้ ได้แก่ ข้าราชการซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นตำแหน่งบังคับบัญชาตั้งแต่ระดับผู้ช่วยหัวหน้าส่วนราชการ รองหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าส่วนราชการขึ้นไป
จากการตรวจสอบพบว่ามีการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้รองอธิการบดีซึ่งเป็นผู้บริหารที่เป็นข้าราชการบำนาญ โดยเบิกจ่ายจากเงินรายได้ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน โดยไม่มีระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิในการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนฯ สำหรับผู้บริหารที่ไม่ได้เป็นข้าราชการ รวม 2 คน จำนวน 1,022,079.61 บาท โดยได้มีการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้ รศ. ดร. จงกลฯ รวม 21 เดือน จำนวน 532,130 บาท และ รศ. ดร.ปัญญาฯ รวม 19 เดือน 10 วัน จำนวน 489,949.61 บาท โดยให้สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ และให้เรียกเงินค่าตอบแทนดังกล่าวส่งคืนเป็นเงินรายได้ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันต่อไป
ต่อมา สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันได้มีหนังสือ ถึงสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อหารือในประเด็นคำว่า "ข้าราชการ" ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น หมายความรวมถึงข้าราชการบำนาญด้วยหรือไม่ และสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันสามารถดำเนินการเบิกจ่ายได้หรือไม่ และหากไม่สามารถดำเนินการได้ การเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว จะเสียไปหรือไม่ อย่างไร อีกทั้งสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันจะต้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนหรือไม่ เพราะเหตุใด
ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้มีหนังสือ ถึงสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ตอบข้อหารือว่า คำว่า"ข้าราชการ" ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 ไม่อาจตีความให้หมายความรวมถึงข้าราชการบำนาญ จึงทำให้รองอธิการบดีซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญทั้งสองคนไม่มีสิทธิได้รถประจำตำแหน่งหรือเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง แต่หากในขณะที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันดำเนินการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวมีการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการเบิกจ่าย ตลอดจนผู้มีอำนาจในการอนุมัติไว้อย่างชัดเจน จึงจะเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมาย
อย่างไรก็ดี สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเห็นว่า สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันมิได้จงใจที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการแต่อย่างใด แต่ในช่วงที่ดำเนินการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้รองอธิการบดีทั้งสองคนนั้น สถาบันเทคโนโลยีปทุมวันยังมิได้มีระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับผู้บริหารที่มิใช่ข้าราชการ รวมทั้งมีความจำเป็นจะต้องมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองอธิการบดีเพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สภาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน
จึงได้ใช้อำนาจตามความในมาตรา 17 (10) แห่งพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. 2547 ในการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายจากเงินรายได้ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเป็นค่ารถประจำตำแหน่งของรองอธิการบดีทั้งสองคน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก blog.eduzones.com
